วันเสาร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2555

กรรม/วิจัย สัมมนา

กรรม/วิจัย สัมมนา
                วันนี้เป็นการเสวนาประสาพุทธครั้งที่ 13 เรื่อง กฎแห่งกรรมในชีวิตมนุษย์ ซึ่งผมเชื่อว่าชาวพุทธทุกคนคงรู้จักคำว่า กรรม" เป็นอย่างดี จนเป็นคำอุทานที่ใช้กันเป็นประจำ เช่น กรรมของเขา”  “กรรมของเรา” “เวรกรรมแม้แต่เพลงไทยสมัยเดิมก็มีบทร้อง โอ้กรรมเอ๋ยกรรม ไม่รู้จะทำเป็นฉันใดแต่ผมไม่แน่ใจว่าชาวพุทธสักกี่เปอร์เซ็นต์เข้าใจเรื่องกรรมอย่างดี หลายคนคงเคยได้ยินพุทธพจน์ว่า
หญิง ชาย คฤหัสถ์ บรรพชิต ควรพิจารณาเนืองๆว่า เรามีกรรมเป็นของตน เป็นผู้รับผลของกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราทำกรรมอันใดไว้ ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม เราจะได้รับผลของกรรมนั้น (พระไตรปิฎก เล่มที่ 14 หน้า 579)
ในฐานะที่ผมเป็นแพทย์ ได้เห็นคนไข้ที่รับทุกข์ในรูปแบบต่างๆกัน ถ้าคนใดสามารถเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรมอย่างดีแล้ว จิตใจเขาจะสงบระงับจากความทุกข์ทรมานได้อย่างมาก ผมเคยคิดว่า ถ้าเราทุกคนสามารถระลึกชาติย้อนไปภพภูมิต่างๆของแต่ละคนได้อย่างผู้ที่มีอภิญญา รู้อตีตังสญาณ รู้อดีตเกินกว่าที่เราจะรู้และตอบได้ และปุพเพนิวาสานุสสติญาณ คือ ระลึกชาติที่ผ่านมาได้ และได้รับรู้ว่าตนได้ทำกรรมอะไรมาบ้าง เราจะเข้าใจได้อย่างดีว่าทำไมชาตินี้เราจึงมีชีวิตเป็นเช่นนี้ ได้รับเคราะห์กรรมอย่างนี้ เกี่ยวข้องกับกรรมเก่าของเราอย่างใด ถ้าทุกคนรู้กรรมเก่าได้ ผมเชื่อว่าทุกคนในชาตินี้จะเป็นคนดีอย่างยิ่ง จะไม่ทำกรรมชั่วใดๆทั้งสิ้น เพราะกลัวว่าเราจะพบทุกข์ทรมานต่างๆอันเนื่องจากผลของการกระทำอันนี้ แต่น่าเสียดายที่เราไม่มีอภิญญาเช่นนั้น พระพุทธองค์จึงตรัสสอนว่าผลของกรรมเป็นเรื่องของอจินไตย (คือเรื่องที่บุคคลไม่ควรคิด) แต่อย่างน้อยถ้าเราเข้าใจเรื่องของกรรมเป็นอย่างดีแล้วคงจะช่วยใจเราได้ และช่วยการดำเนินชีวิตของเราได้ เพื่อมุ่งทำกุศลกรรมอันจะมีผลต่อชีวิตข้างหน้าของเรา เรื่องที่เราจะพูดในวันนี้จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ทุกท่าน
สำหรับเราชาวพุทธและคนทั่วไป ยังมีความเข้าใจเรื่องกรรมไม่ถูกต้องอยู่หลายอย่าง เช่น
1.เชื่อว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตนี้เกิดจากกรรมที่ทำมาก่อนแก้ไขไม่ได้ (ปุพเพกตวาท)
2.เชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้กำหนด (อิศวรนิรมิตวาท)
3.เชื่อว่าไม่ได้เกิดจากเหตุปัจจัยแต่เป็นโชคชะตาบันดาล (อเหตุอปัจจยวาท)
แต่ทุกคนคงรู้ว่า กรรมจะต้องเกิดจาก เจตนา และผลของกรรมก็คือ วิบาก
ซึ่งผลของกรรมอาจจำแนกได้หลายอย่าง ได้แก่
ก. จำแนกตามกาลเวลาที่ให้ผล อาจเป็นชาตินี้ ชาติหน้า ชาติต่อๆไป หรือไม่เกิดขึ้นเลย เป็นอโหสิกรรม
ข. จำแนกการให้ผลตามหน้าที่
-ชนกกรรม                              กรรมที่นำไปเกิด
-อุปัตถัมภกรรม                      กรรมสนับสนุน
-อุปปีฬกกรรม                        กรรมบีบคั้น
-อุปฆาตกกรรม                      กรรมตัดรอน
ค. จำแนกตามลำดับความแรงในการให้ผล
-ครุกกรรม (กรรมหนักสุด) ได้แก่ อนันตริยกรรม 5 ได้แก่ ฆ่าแม่ ฆ่าพ่อ ฆ่าพระอรหันต์  ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนพระโลหิตห้อขึ้น และ สังฆเภท ซึ่งข้อสุดท้ายนี้เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับคนไทยในยุคนี้
-อาจิณณกรรม (กรรมทำประจำ)
-อาสันนกรรม (กรรมใกล้ตาย)
-กตัตตากรรม (กรรมสักแต่ว่าทำ ผลอ่อน)
ตัวอย่างของเหตุปัจจัยและผลของกรรม
เหตุ                                                        ผล
-ฆ่าสัตว์                                                  อายุสั้น
-เมตตาต่อคนและสัตว์                              อายุยืน
-เบียดเบียนหรือทรมานสัตว์                        โรคมาก
-สงเคราะห์สัตว์                                        โรคน้อย
-โกรธ โมโห เคืองแค้น                                ผิวพรรณทราม
-อารมณ์เย็น อ่อนโยน                                ผิวพรรณงาม
-ขี้ริษยา คิดร้ายผู้อื่น                                  มีศักดิ์ต่ำ
-ไม่ริษยาผู้อื่น                                           มีศักดิ์สูง
-ตระหนี่ ไม่สงเคราะห์ผู้มีคุณ                     เกิดมายากจน
-เสียสละ ทำทาน                                      เกิดมาฐานะดี
-เย่อหยิ่ง ไม่เคารพคน                                เกิดในตระกูลต่ำ
-อ่อนน้อม ถ่อมตน                                     เกิดในตระกูลสูง
-ไม่คบผู้รู้                                                 ปัญญาทึบ (โง่)
-คบปราชญ์ ไต่ถามผู้รู้                                ปัญญามาก (ฉลาด)
สำหรับผู้นำการเสวนาในวันนี้ หลายคนอาจไม่เคยรู้จักท่าน แต่ผมขอเรียนว่า ในความเห็นของผม ไม่มีใครเหมาะสมที่จะพูดเรื่องนี้มากไปกว่าท่าน เพราะท่านคือผู้ประพันธ์เรื่อง สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม โดยใช้นามปากกาว่า สุทัสสา อ่อนค้อม ซึ่งผมได้เคยอ่านเรื่องนี้เมื่อสิบปีก่อน ผมประทับใจมาก และเป็นหนังสือที่ผมแนะนำให้คนที่มีปัญหาชีวิตหรือไม่เข้าใจเรื่องของชีวิตได้อ่านแล้วทุกคนพอใจมาก เพราะเป็นเรื่องชีวิตของหลวงพ่อจรัญ แห่งวัดอัมพวัน สิงห์บุรี ผมเพิ่งรู้จักท่านเมื่อเชิญท่านมาเสวนาเรื่องพระไตรปิฎกเมื่อครั้งที่แล้ว
ผมขอแนะนำท่านรองศาสตราจารย์ ดร.สุจิตรา อ่อนค้อม จบปริญญาตรีทางอักษรศาสตร์ ปริญญาโททางปรัชญา จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาเอกมหาวิทยาลัยมคธ ประเทศอินเดีย ท่านเริ่มงานทางวิชาการ ทางด้านการศึกษาและทางการศาสนาของสภาการฝึกหัดครู และเคยเป็นหัวหน้าภาควิชาปรัชญาและศาสนา สถาบันราชภัฏธนบุรี ทำหน้าที่ใน
กระทรวงศึกษาธิการ เป็นอาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ โรงเรียนนายเรือ และมหาวิทยาลัยมหิดล ที่โดดเด่นคือ ท่านเป็นนักเขียนเรื่องธรรมะในหลายแห่ง เช่น นิตยสารกุลสตรี เป็นบรรณาธิการหนังสือกฎแห่งกรรม ของพระอาจารย์จรัญ ฐิตธัมโม วัดอัมพวัน สิงห์บุรี หนังสือวารสารยุวพุทธสัมพันธ์ สอนวิปัสสนากรรมฐานที่วัดสามชุก สุพรรณบุรี เป็นต้น แต่งตำราทางพระพุทธศาสนาหลายเล่มและแต่งธรรมนิยาย เรื่องสั้น เรื่องยาว บทความทางศาสนาทั้งไทยและอังกฤษจำนวนมาก และที่สำคัญท่านได้รับรางวัลเสาเสมาธรรมจักรจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาเมื่อปี 2538 ได้รางวัลจากองค์การสหประชาชาติปี 2543 ในการเขียนบทความเรื่อง Building Peace in the New Millennium และเพิ่งได้รางวัลชนะเลิศการประกวดความเรียงระดับนานาชาติเรื่อง Creating Sustainable World Peace จากองค์กรนักคิดใหม่ เมืองโตรอนโต แคนาดา ได้รางวัล 1 แสนเหรียญสหรัฐ เราจึงนับว่าโชคดีมากที่วันนี้จะได้ฟังการบรรยายเรื่อง กฎแห่งกรรมในชีวิตมนุษย์ เช่นเดียวกับการเสวนาครั้งอื่นๆ เราจะให้ท่านบรรยายก่อน แล้วหลังจากนี้ ถ้าจะมีผู้ซักถามหรืออภิปรายเพิ่มเติมหรือจะเขียนคำถามส่งมาที่ผมก็ได้
               
รศ. ดร. สุจิตรา อ่อนค้อม
ขอบคุณค่ะ ท่านอาจารย์ นายแพทย์สมพนธ์ เรื่องกรรมเป็นเรื่องสำคัญมากในพระพุทธศาสนา ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 ประเด็น คือ
-กรรมที่พระพุทธเจ้าสอนคืออะไร และ
-กรรมที่พวกเราเข้าใจในยุคปัจจุบัน คืออะไร
เรื่องกรรม เป็นพระญาณตรัสรู้โดยตรงของพระพุทธเจ้า ในวันเพ็ญ เดือนวิสาขะ หลังจากทรงค้นคว้าอยู่ 6 ปี ก็บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ในยามแรก ทรงบรรลุปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ทรงระลึกชาติหนหลังของพระองค์เองได้หมด ว่าเคยเกิดที่ไหน เคยเกิดเป็นอะไร เกิดแล้วตายจากชาตินี้ไปเกิดในชาติโน้น คือ พูดถึงการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร
ยามที่สอง ทรงบรรลุจุตูปปาตญาณ  ทรงเห็นการอุบัติและจุติ คือการเกิดการตายของสัตว์โลกทั้งหลาย อุบัติคือเกิด จุติคือตาย ถ้าจะรวมสัตว์ทั้งหลายในพระพุทธศาสนาจะมี 31 ภูมิ ตั้งแต่สัตว์นรกไปจนถึงชั้นพรหมที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดเรียกว่าสัตว์ทั้งหมด ไม่ใช่หมายถึงสัตว์เดรัจฉานอย่างเดียวเท่านั้น ทรงเห็นการเกิดการตายของสัตว์ทั้งหลาย และตรงนี้เองเป็นที่มาของพุทธพจน์ที่ว่า กัมมุนา วัตตะตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ที่สัตว์ต้องเวียนว่ายตายเกิดก็เป็นเพราะกรรม เมื่อพระพุทธองค์ทรงระลึกชาติแต่หนหลังได้ เห็นการเกิดตายของสัตว์โลกที่เป็นไปตามกรรม ทำให้กิเลสอาสวะที่สั่งสมมาตั้ง 20 อสงไขย พระโพธิสัตว์หรือเจ้าชายสิทธัตถะ บำเพ็ญเพียรมา 20 อสงไขย ทำให้กิเลสหมดสิ้นไป เรียกว่าบรรลุอาสวักขยญาณเป็นพระพุทธเจ้า คือตรัสรู้
เพราะฉะนั้นการเป็นชาวพุทธต้องมีศรัทธา ศรัทธาของชาวพุทธต่างกับศรัทธาของศาสนาอื่น ศาสนาแบ่งเป็นสองประเภท คือ
- เทวนิยม เชื่อว่ามีพระเจ้าสูงสุดเป็นผู้บันดาล สาวกมีแต่ศรัทธาอย่างเดียว คือ เชื่อในพระเจ้าแล้วแต่พระเจ้าจะบันดาลให้เป็นไป
- อเทวนิยม คือ ไม่เชื่อในความบันดาลของพระผู้เป็นเจ้า ไม่มีใครเป็นผู้บันดาล มนุษย์เองเป็นผู้บันดาล ตรงนี้เองเป็นเรื่องของกรรม ไม่มีพระเจ้า ไม่มีพรหม ไม่มีเทพ ไม่มียมบาลมาบันดาลให้เราเป็นอย่างใด เราเองบันดาลให้ตัวเอง ตรงนี้คือจุดพิเศษที่พระพุทธศาสนาต่างจากศาสนาอื่น ตัวเราบันดาลตัวเอง เราจะดีจะชั่วอยู่กับการกระทำของเราเท่านั้น
เราชาวพุทธทุกคนเชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริง ดิฉันรู้สึกสะเทือนใจมากที่คนบางคน ขนาดเป็นเปรียญ 9 ยังไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริง เขาเรียกว่า ทิฏฐิพระ มานะครูถ้าใครได้ปฏิบัติธรรม เจริญสติปัฏฐาน 4 จะเห็นกรรม มากน้อยก็แล้วแต่ว่า ความแนบแน่นของสมาธิ แล้วแต่สติสมาธิของเรามีสมังคี คือ มีสามัคคีแค่ไหน พระอาจารย์สมภารท่านถามเปรียญ ๙ ประโยครูปนั้นว่าไม่เชื่อว่ามีพระพุทธเจ้าแล้วมาเรียนพุทธศาสนาทำไม ตอบว่ามาเรียนเพราะว่าต้องการปริญญาโทเพื่อไปต่อปริญญาเอก พระอาจารย์ท่านก็เลยไม่ให้จบ
ศรัทธาในศาสนาอื่นไม่ต้องอาศัยปัญญา อาศัยความเชื่ออย่างเดียวเท่านั้น พระเจ้าจะจัดการชีวิตคุณเอง แล้วแต่พระเจ้า ส่วนศรัทธาของพระพุทธศาสนาหมายถึงความเชื่อที่ประกอบด้วยปัญญา จึงต่างจากศรัทธาในศาสนาอื่น ศรัทธามี 4 อย่าง ใน 4 อย่างนี้เป็นเรื่องของกรรมแล้ว 3 อย่าง
กัมมสัทธา ต้องเชื่อกรรม อย่างไรเรียกว่ากรรม มีพุทธพจน์รับรองว่า เจตนาหัง ภิกขะเว กัมมัง วะทามิแปลว่า ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม กรรมกับเจตนาเป็นอันเดียวกัน เมื่อไรที่มีแจตนา เมื่อนั้นเป็นกรรม เจตะยิตวา กัมมัง กะโรติ กาเยนะ วาจายะ มะนะสา” – บุคคลตั้งใจแล้ว หรือคิดแล้ว ย่อมกระทำกรรมทางกาย ทางวาจา หรือทางใจ เจตนามี สามอย่าง
กุศลเจตนา ก่อให้เกิดกรรมดี (กุศลกรรม)
อกุศลเจตนา ก่อให้เกิดอกุศลกรรม
อัพยากตเจตนา (เจตนากลางๆ) ก่อให้เกิดอัพยากตกรรม
การกระทำสามทาง คือ กาย วาจา และใจ พระพุทธเจ้าตรัสว่ากรรมที่ทำโดยทางใจ หรือมโนกรรม มีผลมากกว่า เช่นการคิดไม่ดีกับพ่อแม่ ภาษาชาวบ้านก็เรียกว่า เจ๊งแล้ว ทำมาหากินไม่ขึ้น
กรรมแบ่งเป็น สี่อย่าง คือ กรรมดำ กรรมขาว กรรมทั้งดำทั้งขาว กรรมไม่ดำไม่ขาว
กรรมดำ เช่น การละเมิดศีล 5 อกุศลกรรมบท 10 ตั้งแต่ปาณา จนถึง มิจฉาทิฏฐิ แล้วยังรวมไปถึงครุกกรรม หรือ อนันตริยกรรม ซึ่งมี 5 ข้อ คือ ฆ่าแม่ ฆ่าพ่อ ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนห้อพระโลหิต และสุดท้าย สังฆเภท ครุกกรรมหรืออนันตริยกรรมนี้ ใครทำแล้วไม่มีกรรมอื่นที่จะมาลบล้างได้เลย อโหสิกรรมไม่ได้ ตกนรกอย่างเดียว ตัวอย่าง พระเทวทัต ทำกรรมหนักไว้ 2 ข้อ คือ ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนห้อพระโลหิต โดยการกลิ้งหินลงมา หินแตก สะเก็ดกระเด็นไปถูกนิ้วพระบาทจนห้อพระโลหิต และต่อมาได้ทำสังฆเภท เพราะฉะนั้น อโหสิกรรมไม่ได้เลย ตอนหลังพอพระเทวทัตรู้ว่าตัวเองผิดก็จะไปหาพระพุทธเจ้า จึงเดินทางจากเมืองพุทธคยาจะไปสาวัตถี ตอนนั้นพระพุทธเจ้าประทับอยู่เชตวัน ขณะที่พระเทวทัตไป อาพาธด้วย ต้องหามไป พระพุทธเจ้าทรงรู้แจ้งโลก โลกวิทู พุทธคุณ  9 พระองค์มีครบ ในบทสวดอิติปิ โส ท่านได้ตรัสกับสงฆ์ว่า เทวทัตบาปหนักเหลือเกิน เทวทัตไม่อาจมาถึงเราได้ฝ่ายพระเทวทัต ระหว่างเดินทางเกิดกระหายน้ำ พอก้าวลงจากแคร่เท่านั้น แผ่นดินก็แยกออกแล้วสูบไป พอสูบถึงคอ พระเทวทัตก็ตั้งจิตอธิษฐานว่า ข้าพเจ้าเถรเทวทัต ขอบูชาพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นด้วยกระดูกคางที่เหลือ เพราะฉะนั้นได้บุญมากเพราะถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา แต่ท่านได้ทำอนันตริยกรรมไว้ ไม่สามารถลบล้างได้ ต้องตกนรกมหาอเวจี ถึง 5 กัป
พระพุทธเจ้าเปรียบเทียบไว้ว่า 1 กัป ประมาณภูเขาหินแท่งทึบ กว้างยาวสูงด้านละ 1 โยชน์ (16 กม.) ทุกร้อยปีมีคนเอาผ้าเนื้อละเอียดมาลูบ 1 ครั้ง จนกระทั่งภูเขานั้นค่อยๆสึกกร่อนไปเสมอกับพื้นดิน จะเห็นว่า 1 กัป นานมาก หลังจาก 5 กัปผ่านไป พระเทวทัตจะได้ตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า คือ ตรัสรู้ส่วนตน สอนผู้อื่นไม่ได้ จะมีชื่อว่า อัฐิสสระ มีความหมายว่า ถวายกระดูกคางเป็นพุทธบูชากรรมขาว คือ กุศลกรรมที่เกิดจากกุศลเจตนา เช่น การทำบุญให้ทาน การรักษาศีล กรรมขาวที่เป็นครุกกรรม ได้แก่ การเจริญสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน ถ้าได้ฌานก็เป็นกรรมขาว ถ้าเคยทำกรรมหนัก เช่น ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต กินเหล้าเมายามาตลอดชีวิต แต่ช่วงท้ายบำเพ็ญศีลภาวนาจนบรรลุญาณ 16 จะกลายเป็นอโหสิกรรมได้ เช่นเรื่องของเสือใบ เสือใบฆ่าคนมา 20 ปี ไม่ได้สำนึกผิด แต่รู้ว่าตนจะต้องถูกฆ่าแน่ ติดคุกอยู่บางขวาง ท่านเจ้าคุณโชดก (พระธรรมธีรราชมหามุนี) ท่านเล่าให้ฟังเอง ท่านเจ้าคุณได้ไปสอนในคุก ท่านออกจะอ้วน เสือใบก็เรียก ตอม่อยุ้งมาแล้ว” “คัมภีร์เคลื่อนที่มาแล้วว่าท่านทุกอย่าง ท่านก็ไม่ว่า ท่านใจดีมาก แต่ในที่สุดความเป็นเสือค่อยๆถอดเขี้ยวถอดเล็บ หันมาเจริญสติปัฏฐาน 4 จนกระทั่งได้ดวงตาเห็นธรรม ท่านใช้คำว่าบรรลุญาณ 16 กลายเป็นว่า นอกจากไม่ตาย กลายเป็นได้ดวงตาเห็นธรรม ออกจากคุกไปตั้งสำนักวิปัสสนา เสือกลับใจ ปัจจุบัน
อายุ 80 กว่าแล้ว ถือเป็นอริยบุคคล (ท่านเจ้าคุณรับรอง) อันนี้ถือว่าทำครุกกรรมฝ่ายกุศล ละสังโยชน์ได้ 3 ข้อ คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส จะเกิดอีกไม่เกิน 7 ชาติ เป็นผู้เข้าสู่กระแสพระนิพพาน ปิดอบายภูมิ คือไม่เกดในนรก เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน
จะพูดถึงธรณีสูบ เป็นสิ่งที่ดิฉันได้เห็นมากับตา การไปเรียนที่อินเดียได้ประโยชน์มหาศาล คือเรียน ตรี โท ที่จุฬา หลวงพ่อจรัญบอกให้ไปเรียนเอกที่อินเดีย กลับมาแล้วจะมีชื่อเสียง ดิฉันเชื่อ ก็จริง ไปพบขุมทรัพย์ทางปัญญา ได้เข้าใกล้ ได้อยู่ใกล้พระพุทธเจ้า ที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ในพระไตรปิฎก เป็นสัจธรรมทุกบรรทัด ไม่มีเท็จเลย เพราะฉะนั้น ถ้าใครมาเปลี่ยนแปลงพระไตรปิฎก เปลี่ยนแปลงพุทธประวัติ ดิฉันคิดว่าเป็นกรรมหนัก ดิฉันขอเล่าเรื่องจริง ซึ่งหลวงพ่อจรัญท่านเป็นพยาน เรื่องเกิดขึ้นก่อนปี 2535 ต้องขอเรียนว่า ที่พระพุทธองค์ตรัสว่าการละเมิดศีลห้านั้นบาปมาก โดยเฉพาะข้อ 5 บาปที่สุด เพราะขาดสติ แล้วสามารถผิดศีลอีก 4 ข้อได้หมด เช่น คนคนหนึ่งเมาเหล้าแล้วกลับมาตีเมีย ทะเลาะกับเมีย วันหนึ่งระหว่างตีกัน พ่อได้เข้าไปห้าม หยุดเถอะ อย่าทำเลย ขอทีเถอะลูกด้วยความโกรธเตะพ่อสองที พ่อตกเรือนคอหักตาย เป็นอนันตริยกรรมทันที ถ้ากฎหมายทางโลกถือว่าไม่ได้เจตนา เป็นเพราะขาดสติสัมปชัญญะ ติดคุกไม่นานได้ออก แต่ทางธรรมโดนสองข้อหา คือ ขาดสติเพราะผิดศีลข้อ 5 และอนันตริยกรรม ขณะติดคุก พอวันแม่ปี 2535 สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถเจริญพระชนมายุครบ 5 รอบ ได้รับนิรโทษกรรมออกมา แม่ของเขาจิตใจประเสริฐมาก คิดว่าไหนๆพ่อก็ตายไปแล้ว อยากให้ลูกหมดเวรหมดกรรม เขาลือกันว่าหลวงพ่อจรัญตัดเวรตัดกรรมได้ จะพาลูกไปกราบ เพื่อให้ท่านตัดเวรตัดกรรมให้ ลูกเป็นคนขับรถไป พอไปถึงบริเวณวัดยังไม่เข้าประตู เจ้าตัวร้องโวยวายว่า โอ๊ย ร้อน ร้อน ไม่ไหวแล้วโว้ยหงุดหงิด ไม่ยอมขับต่อ (ที่ร้อนเพราะไฟนรกเข้าไปถึงใจแล้ว) พูดถึงหลวงพ่อจรัญ ที่ท่านบรรลุผลในการสอน เพราะท่านเอาตัวท่านไปทดลอง ใครบ้างจะบอกว่าตัวเองเคยลักขโมย เคยฆ่าสัตว์ แต่ท่านนำมาเล่าเพื่อจะบอกว่าท่านได้รับกรรมมาหมดแล้ว ที่รถคว่ำคอหักก็เพราะไปหักคอนก แต่เพราะว่าท่านปฏิบัติมาก กรรมดีจึงมาส่งผล ถึงคราวจะเสียชีวิตก็ไม่เสีย เพราะท่านต้องมาสอนชาวโลก คราวนี้แม่ก็สงสัยว่าอยู่ๆลูกก็ร้องโวยวาย ก็คิดว่าสงสัยผีพ่อคงอาฆาตไม่อยากให้ลูกแก้กรรม ไม่ไปก็ไม่เป็นไร เอ็งอยู่ที่นี่ เดี๋ยวแม่จะเข้าไปเองก็เดินเข้าไปในวัด วันนั้นเป็นวันพระ หลวงพ่อกำลังจะเทศน์ ท่านเห็นท่านก็รู้แล้วว่ามาทำไม โยม เข้ามาใกล้ๆ เอ้า! ญาติโยม ให้ทางเขาเข้ามาหน่อย มีเรื่องอะไรก็ว่าไป เดี๋ยวเทศน์จะนาน จะได้กลับพอเล่าจบ ท่านบอกว่าเสียใจช่วยไม่ได้ เขาทำกรรมหนักมาก แก้ไม่ได้ เขาต้องไปใช้กรรม แล้วที่เขาร้อนนั่นนะ ไม่ใช่ผีพ่อมาเข้าหรอก มันเป็นบาปเป็นกรรมของเขาเอง อาตมาเสียใจด้วย นี่คือปิตุฆาต ไม่สามารถแก้กรรมได้ คนที่ทำบาปถึงขั้นครุกกรรม มาทำฌานจะได้แค่อุปจารสมาธิ จะไม่ถึงอัปปนาสมาธิ และถ้าปฏิบัติวิปัสสนาก็จะไม่ได้ดวงตาเห็นธรรม



อีกรายท่านเจ้าคุณธรรมธีรราชมหามุนีท่านเล่าให้ฟัง เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว คือเรื่องธรณีสูบ ทำไมธรณีถึงสูบ? ดิฉันเข้าใจว่าเรื่องนี้เกิดประมาณปี 2498 แต่พลตรีเจริญ กายแก้ว ท่านบอกว่าเกิดประมาณปี 2514 ลงหนังสือพิมพ์ด้วย พระจากอำเภออุ้มผางมาปฏิบัติที่คณะ 5 แล้วมาเล่าให้ท่านเจ้าคุณอาจารย์ฟัง อำเภออุ้มผาง อยู่จังหวัดตาก ชายหนุ่มบ้านติดกับวัดมีลูกก็ฝากลูกไว้กับย่า ตัวเองไปเกี่ยวข้าว ปรากฏว่าเด็กซน วิ่งตกบ้าน ย่าแก่ก็งกๆเงิ่นๆ พอดีลูกกลับมาตอนสายจะมากินข้าว พอเห็นเท่านั้นคว้าไม้ขัดหม้อข้าวตีแม่ใหญ่เลย หน้าหนาวด้วย แม่เจ็บก็นั่งไหว้ ก็ไม่ยอม ตีอยู่นั่นแหละ แม่แกก็เจ็บวิ่งลงเรือนไป ลูกก็วิ่งตาม อย่าหนีนะ หนีจะตีให้ตาย แสดงว่าใจคงคิดจะตีให้ตายจริงๆ ก็วิ่งไล่ตามแม่ พอเท้าสัมผัสพื้นดิน ติดหนับเลย ร้อง โอยๆ ธรณีสูบๆ ตะโกนลั่น ช่วยด้วย เรียกแม่ช่วยด้วย แม่ช่วยลูกด้วย แม่ก็หันมา แต่ไม่กล้าเข้าใกล้ นึกว่าเป็นลูกไม้ของลูก แม่ก็ชักสงสัย ดึงขาไม่ขึ้นเลย แม่ก็เข้ามาช่วยดึง ไม่ขยับเขยื้อนเลย คนเอาเชือกมนิลาเส้นใหญ่มากช่วยกันดึง เชือกขาด ไม่ขยับเลย ก็ถามกันว่าไปทำอะไรมา ก็บอกว่าตีแม่ ผู้ใหญ่ให้เอาดอกไม้ธูปเทียนขอขมาแม่ แม่ไม่เอาผิดอโหสิกรรมให้ เชือกก็ยังขาด ทางค่ายทหารเอาเฮลิคอปเตอร์มาวนเหนือศีรษะหย่อนลวดสลิงมาให้ จับลวดสลิงแล้วดึงไม่เอาแล้ว ตัวจะขาดธรณีค่อยๆสูบลงไปทีละน้อย ตั้งแต่สายจนค่ำ คนบอกต่อบอกต่อมืดฟ้ามัวดินเลย พอค่ำมิดเหมือนไม่มีร่องรอยอะไรเหลืออยู่ คนมาดูเป็นหมื่น
เล่าเรื่องธรณีสูบเมื่อ 19 พย. 2534 ดิฉันอยู่อินเดีย เช่าห้องวัดทิเบตอยู่ ข้างๆห้องมีเพื่อนชื่อ ปลั้บลี สอนภาษาอังกฤษให้พระไทย เขาเรียก สุจิตรา come here” เรียกไปดูทีวีขาวดำ เกิดแผ่นดินสูบที่เมืองลัคเนาว์ มองเห็นแผ่นดินแยก (นึกเข้าข้างตัวเองว่า สงสัยพระพุทธเจ้าทรงเห็นว่าต้องสอนพระพุทธศาสนาแต่ไม่เคยเห็นธรณีสูบ เลยบันดาลให้เห็น เพราะต้องการให้มาลบล้างคำพูดของนักวิชาการทั้งหลายที่ว่าไม่ใช่เรื่องจริง) แผ่นดินแยกกว้างแล้วม้วนเป็นคลื่น เหมือนคลื่นทะเลยังไงยังงั้น แต่เป็นเคลื่นดิน ต้นไม้ บ้านเรือน จมหายลงไปในแผ่นดิน เป็นบุญตาเหลือเกินที่ได้เห็น เรื่องราวต่างๆที่บันทึกในพระไตรปิฎกเป็นเรื่องจริง เราต้องเชื่อ ต้องมีศรัทธา 4 คือ
1.             กัมมสัทธาเชื่อเรื่องกรรม เชื่อว่ากรรมมีจริง พระพุทธองค์ตรัสสอนว่า ยาทิสัง วะปะเต พีชัง ตาทิสัง ละภะเต ผะลัง กัลยาณะการี กัลยานัง ปาปะการี จะปาปะกังแปลว่า บุคคลหว่านพืชเช่นไรย่อมได้รับผลเช่นนั้น ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วนี้เป็นกฎตายตัว เป็นกฎธรรมชาติ พระพุทธเจ้าไม่ได้สร้างกฎ แต่เป็นผู้ค้นพบ เพราะฉะนั้นต้องเชื่อกรรม กรรมมีจริง คนไม่เชื่อกรรมพอถึงวาระสุดท้ายกลับตัวไม่ทันแล้ว
2.             วิปากสัทธา เชื่อผลของกรรม กรรมดีมีผลดี กรรมชั่วมีผลชั่ว ผลของกรรมมีจริง
3.             กัมมัสสกตาสัทธา เชื่อว่าเราเป็นผู้มีกรรมเป็นของตน เพราะกรรมเราเป็นคนทำ เราก็ต้องรับผลของกรรม
4.             ตถาคตโพธิสัทธา ต้องเชื่อในความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ว่า พระพุทธองค์ตรัสรู้จริง ทรงพระคุณทั้ง 9 ประการ ในบทอิติปิโสที่เราสวดกัน นี่คือที่มาของกรรม ถ้าเราปฏิบัติจะไม่สงสัยเลย
กรรม พระพุทธเจ้าจัดเป็นอจินไตย คือสิ่งที่บุคคลไม่ควรคิดเมื่อบุคคลคิด พึงเป็นผู้มีส่วนแห่งความบ้า เดือดร้อน” (พระไตรปิฎก เล่มที่ 21 หน้า 77)
** พุทธวิสัย วิสัยของพระพุทธเจ้า เหาะได้ มีฤทธิ์ ไม่ต้องคิดเลย
** ฌานวิสัย วิสัยของผู้ได้ฌานเป็นอย่างไร ไม่ต้องคิด
** กรรมวิสัย กรรม 12 มีเหตุปัจจัยหลายอย่าง ไม่ต้องคิด
** โลกเที่ยง โลกไม่เที่ยง ไม่ต้องคิด
เรื่องกรรมไม่ใช่รู้ไม่ได้ แต่พระพุทธองค์ทรงเน้นให้ปฏิบัติ ถ้าอยากรู้ก็ให้ปฏิบัติ ให้เกิดปัญญา เกิดญาณ ถ้าไม่เชื่อเรื่องสวรรค์-นรก ขอให้ตั้งใจปฏิบัติ 7 วันเท่านั้นรู้เลย ปี 2543 ดิฉันสอนกรรมฐานที่วัดสามชุก ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งไม่เชื่อเรื่องกรรม มาปฏิบัติกรรมฐาน พอจิตสงบระลึกถึงกรรม เห็นกรรม เห็นทารกดำๆอยู่ในผ้าอ้อม นั่งเท่าไหร่ก็เห็นอย่างนี้ ก็มาถามดิฉัน ดิฉันก็ถามว่า เคยไปยุ่งกับการทำแท้งไหม (เป็นผอ.ผู้ชาย อายุ 56) ลองนึกดู โอย นึกได้แล้วอาจารย์ ตอนที่ผมอายุ 28 เพื่อนผมแฟนมันท้อง ก็มาบอกผม” “เฮ้ย แฟนท้อง ยังไม่พร้อมจะแต่งงาน ทำไงดี” “อุ้ย สบายมาก ลุงกูเป็นหมอ (หมอชาวบ้าน) เดี๋ยวกูเอายามาให้ก็ไปเอายามา ภูมิใจมากได้ช่วยเหลือเพื่อน แปลว่าไง กรรมของตัวเองเต็มเปา แล้วตัวเองก็ไม่ได้ปฏิบัติ ลืมแล้วด้วย ดิฉันก็บอกว่าเขามาทวง” “แล้วจะทำอย่างไรดีต้องตั้งใจปฏิบัติ ห้ามเก แล้วขออโหสิกรรม อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไป เพราะว่าวิปัสสนากรรมฐานเป็นบุญสูงสุด คนที่ตกนรกก็ช่วยขึ้นมาได้
พระพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ เรื่องบุคคล 4 ประเภท ทำกรรมดีไปขึ้นสวรรค์ก็มี ทำกรรมดีไปตกนรกก็มี ทำชั่วขึ้นสวรรค์ก็มี ทำชั่วตกนรกก็มี ดูเผินๆเหมือนกรรมคอรัปชั่น เหมือนกรรมบิดเบือน ไม่ตรงไปตรงมา แต่ความจริงมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะเรื่องกรรมสลับซับซ้อน แต่เราพิสูจน์ได้ด้วยการปฏิบัติ พระอาจารย์สมภาร สมภาโร ท่านเป็นวิปัสสนาจารย์ ท่านย้ำว่า โยมจะรักษาพระพุทธศาสนาได้ด้วยการปฏิบัติเท่านั้น ปริยัติอย่างเดียวบิดเบือนกันเยอะแล้ว แต่ถ้าปฏิบัติเราจะรู้ว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร อย่างไร เพราะตอนนี้เราถูกรุกรานมาก ไม่ว่าจะเป็นทางวัฒนธรรมหรืออะไร ต่อพระอาทิตย์จะไปขึ้นในดินแดนตะวันตก ถ้าเราขืนไม่ปฏิบัติ ไม่เกิน 50 ปี พระพุทธศาสนาจะหมดไปจากประเทศไทย แต่ไปเบิกบานที่ประเทศตะวันตก เราก็รอดูไปอีก 50 ปี
ทำไมพระพุทธเจ้าตรัสว่า คนชั่วไปตกนรกก็มี ไปขึ้นสวรรค์ก็มี เป็นเรื่องของอาสันนกรรม คือกรรมใกล้ตาย ถ้ามีครุกกรรม ครุกกรรมจะมาให้ผลก่อน ไม่ว่าจะทางบวก หรือทางลบ แต่ถ้าไม่มีครุกกรรม อาสันนกรรมจะให้ผลก่อน แต่ถ้ามีครุกกรรม ครุกกรรมจะมาเป็นอาสันนกรรมตอนใกล้ตาย กรรมที่ทำตอนใกล้ตายทำได้แค่มโนกรรม ได้แต่คิด เพราะฉะนั้น การเจริญวิปัสสนา ก็เพื่อเตรียมตัวตาย จะได้ไม่หลงตาย คนที่หลงตายเพราะไม่เคยเจริญสติ ไม่เคยเจริญกรรมฐาน
ดิฉันเคยป่วย เอาแค่ป่วย เจ็บปวดมาก จะท่องอิติปิโสให้จบ ยังไม่ค่อยจบเลย แต่ถ้าฝึก คนที่ฝึกเขากำหนดที่ไปของเขาได้ ไปสู่สุคติได้ อย่างคนแก่ข้างวัดอัมพวัน ไม่เคยมาเข้ากรรมฐาน พอจะตายให้ลูกมานิมนต์หลวงพ่อจรัญไปส่งวิญญาณ ยังเชื่ออีกนะว่าพระส่งวิญญาณได้ หลวงพ่อไปก็รู้แล้วว่าไม่เคยเจริญสติ เจ็บปวดมาก เวลาธาตุจะแตกทุรสทุรายมาก ถ้าไม่เคยฝึกสติมาจะบังคับจิตให้เป็นสมาธิไม่ได้เลย คร่ำครวญ แม่จ๋า ช่วยลูกด้วย ลูกจะตายแล้วหลวงพ่อว่า บอกได้เลยว่า ไม่ได้ไปสุคติแม่ตัวเองก็ตายไปตั้งนานแล้ว ยังคร่ำครวญ แม่จ๋าๆ ตัวเองก็ 70 แล้ว
ฝรั่งสนใจเรื่องกรรมมาก เขาพิสูจน์ได้ด้วย มีพระรูปหนึ่งสอนโยมผิดๆทำให้โยมบาปด้วยนะ สอนว่ามันสำคัญอยู่ที่ตอนกรรมใกล้ตาย ตอนเรามีชีวิตอยู่ ทำชั่วก็ทำไป แต่ตอนใกล้ตายให้คิดถึงความดีก็จะขึ้นสวรรค์ สอนอย่างนี้ถูกแค่ครึ่งเดียว เพราะไม่รู้จริง คิดดูเราทำบาปมาตลอดชีวิต พอใกล้ตายนึกถึงพระ เราไปขึ้นสวรรค์ ทำบาปมา 100 ปี ทำดี 1 วินาที ขึ้นสวรรค์ก็แค่ 1 วินาที จากนั้นก็ตกนรกอีก 100 ปี พระพุทธเจ้าตรัสเล่ากรรมของพระนางมัลลิกา มเหสีของพระเจ้าปเสนทิโกสล พระนางทำดีมาตลอดแต่มีครั้งเดียวในชีวิตไปโกหกพระเจ้าปเสนทิโกศล พอจะตายไปนึกถึงที่ตนเคยโกหก พอตายปุ๊บไปตกนรกเลย 7วันของโลกมนุษย์ ศีล 5 ไม่ว่าผิดข้อไหนก็ไปตกนรก พระเจ้าปเสนทิโกศลก็มาเฝ้าพระพุทธเจ้า มาเพื่อทูลถามว่าพระนางมัลลิกาตายแล้วไปเกิดสวรรค์ชั้นไหน พระองค์ทรงหยั่งรู้ปัญญาของพระเจ้าปเสนทิโกศล ถ้าตอบว่าพระนางไปตกนรก ต้องเกิดมิจฉาทิฐิแน่นอน พระองค์ก็ชวนคุย เรื่องนี้เรื่องโน้น (พระพุทธเจ้าใครเข้าใกล้ก็จะเพลิดเพลิน ลืมความทุกข์ได้) จนถึงเวลากลับก็เอ้า! ลืมถามเรื่องนี้ เป็นอยู่เช่นนี้จนครบ 7 วัน พอวันที่ 7 พระนางก็จุติจากนรก ไปอุบัติที่สวรรค์ชั้นดุสิต ชั้นเดียวกับพุทธมารดา อรรถกถาบอกว่าถ้าพระนางไม่ได้ไปตกนรกก่อน พอไปเกิดบนสวรรค์จะเพลิดเพลิน จะเริงร่าอยู่ ไม่ได้บรรลุธรรม (พระนางบรรลุโสดาบันหลังจากไปอุบัติในสวรรค์ชั้นดุสิต) ในคัมภีร์บอกว่าพวกเทพบำเพ็ญทาน ศีล คุณธรรมของเทพคือ หิริโอตตัปปะ ละอายและเกรงกลัวต่อบาป ในวันที่พระนางมัลลิกาไปถึงนรก อึดใจเดียวไฟนรกดับเลย ยมบาลบอกคนนี้มีบุญส่งกลับ แต่ชั่วไปเมืองนรกอึดใจเดียว ก็เป็นเวลาของโลกมนุษย์ 7 วัน เพราะฉะนั้นพระนางไม่ประมาทแล้ว ได้เห็นนรกมาแล้ว ก็ปฏิบัติจนได้โสดาบัน เทพมีจริงเทวดามีจริง เราเชื่อในตถาคตโพธิสัทธา หลวงพ่อเคยคุยกับเทวดา และเทวดาก็มาคุยกันให้หลวงพ่อได้ยิน เทวดามีสองพวก พวกมิจฉาทิฐิ กับพวกสัมมาทิฐิ พวกมิจฉาทิฐิ ชอบกินเครื่องเซ่นของมนุษย์ ชอบยุ่งกับมนุษย์ กินสินบน กินหัวหมู เหล้าสุรา บนสวรรค์ก็มีเหล้า วันหนึ่งพวกเทวดาคุยกัน ไอ้มนุษย์นี่มันแย่จังเลยนะ มันหลอกแม้กระทั่งเทวดาหลวงพ่อท่านก็แอบฟัง เทวดาอีกองค์ มันหลอกยังไงล่ะ”  “มันมาบนไว้ถ้าช่วยมันได้ จะแก้บนด้วยหัวหมู ไอ้เราก็ช่วยมัน พอช่วยสำเร็จ มันเอาหัวหมูจันอับมาแก้บน” “ก็ดีนิ ก็เป็นมังสวิรัติไปถ้าเป็นเทวดาสัมมาทิฐิเขาจะเหม็นสาบมนุษย์  50 ปีของมนุษย์เท่ากับ 1 วัน 1 คืนของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา 100 ปีของมนุษย์เท่ากับ 1 วัน 1 คืนของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ 200 ปีของมนุษย์ เท่ากับ 1 วัน 1 คืนของสวรรค์ชั้นยามา ฯลฯ
มีตัวอย่างเจริญวิปัสสนากรรมฐานช่วยแม่ขึ้นจากนรก ข้าราชการซี 7 มาเข้ากรรมฐาน อายุ 40 กว่าๆ ได้ฝึกกรรมฐานและอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล อิทังเม มาตาปิตุนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่มารดาบิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้าจงมีความสุขตรงนี้บุญกรรมฐานไปถึงนรกได้ คนซี 7 นั่งในนิมิตเห็นผู้หญิงอายุประมาณ 30 ปรากฏในนิมิตว่า หนู แม่ขอบใจที่อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แม่ ช่วยให้แม่ขึ้นจากนรกได้” “เอ้า1 แม่ได้อย่างไร ก็มีแม่อยู่” “คนนั้นไม่ใช่แม่ คนนั้นเป็นน้า เรื่องมันเป็นอย่างนี้แม่เล่าให้ฟัง แม่ผูกคอตาย ตกนรก เกิดมาแล้วยังต้องฆ่าตัวตายอีก 7 ชาติ คนนี้เป็นน้าสาว แม่เป็นอาจารย์สอนรร.สวนกุหลาบ แม่จบปริญญาโทที่จุฬา พ่อก็จบโท สอนสวนกุหลาบด้วยกัน ตากับยายมีบ้านที่สุขุมวิท ตาเห็นว่าน้าไม่ได้เรียนหนังสือก็ยกบ้านยกห้องแถวให้น้า แม่ก็อาศัยอยู่กับน้า วันหนึ่งพ่อไปมีเมียน้อยอยู่บางกะปิ แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่น้าไม่ยอม น้าเอาปืนไล่ยิงพ่อแล้วขับออกจากบ้าน แม่ก็เสียใจมาก วันหนึ่งแม่ก็คิดมากผูกคอตายตรงเปลของหนู ตอนนั้นหนูยังเล็ก น้าก็เลี้ยงหนูมา ก่อนตายแม่ได้ฝากสายสร้อยเพชรไว้ บอกน้าว่าไว้ให้หนูตอนแต่งงาน แม่พ้นจากนรกแล้ว นอกจากแม่จะมาขอบใจหนูแล้วเนี่ย ให้หนูนำเงิน 280 บาทไปให้อาจารย์ชื่อนี้ บ้านเลขที่นี้พอออกมาก็มาเล่าให้หลวงพ่อฟัง หลวงพ่อรู้ พอกลับไปบ้านก็ไปถามน้า ก็เป็นจริงอย่างที่แม่ในนิมิตเล่า
มีอีกเรื่องคล้ายกัน ชื่อนางสาวรัตนา อายุสามสิบ มาทัก สวัสดีค่ะ อาจารย์สุทัสสาใช่ไหมคะ อาจารย์ได้ช่วยแม่หนุ หนูอ่านสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ทำให้หนูมาเข้ากรรมฐาน หนูอยู่กับแม่ แม่ขายดอกไม้ที่ประตูน้ำพระอินทร์ พ่อกินเหล้าเมายาเขาเล่าว่า หนูมาเข้ากรรมฐาน หนูเกลียดพ่อมาก พ่อเมาเหล้า รักแต่แม่ วันหนึ่งหนูแผ่เมตตา มีผู้หญิงสวยมาก รูปนี้ค่ะ (ให้ดูรูปผู้หญิงอายุประมาณ 25) เนี่ยแม่หนู ผู้หญิงคนนี้มาปรากฏในกรรมฐาน หน้าตาเหมือนในรูปแล้วพูดว่า หนู แม่มาขอบใจที่ช่วยให้แม่ขึ้นจากนรก” “เอ้า! แม่ที่ไหนล่ะ ก็แม่หนูขายดอกไม้” “ไม่ใช่ แม่จะเล่าให้ฟัง แม่เป็นคนใช้อยู่บ้านนี้ ต่อมาได้เสียกับพ่อหนู (กาเม ตกนรก) แม่ก็มีท้องหนู คือแม่คลอดหนูมา แม่คนนั้นเขาไม่มีลูก เขาก็ยึดหนูไว้ ไล่แม่ออกจากบ้าน แม่เลยมาแต่งงาน หนูมีน้องอีก 3 คนนะ เป็นหมอ เป็นทหารเรือ และผู้หญิงอีกคน หนูหาน้องให้เจอนะ แม่จะมาขอบใจหนูนะ แม่พ้นจากนรกแล้วพอกลับมาบ้าน ก็มาถามแม่ที่บ้าน แม่เค้าก็ยอมรับว่าจริง ตั้งแต่นั้นมา ความรูสึกรับไม่ได้ ตอนหลังมารักพ่อ ในที่สุด อยู่กับแม่เลี้ยงไม่ได้ มาอยู่คอนโด ก็เริ่มรักพ่อ แม่บอกให้ทำกรรมฐานทุกวัน แผ่เมตตาทุกวัน ในที่สุดก็รักพ่อ  แล้วยังเจอน้อง วันหนึ่งมีผู้ชายสองคน และผู้หญิงกำลังตั้งท้องมาหา บอกว่าเราเนี่ย เป็นน้อง ไม่เคยเจอกันเลย แล้วเอารูปแม่มา เนี่ยคือรูปแม่ของเรา (รูปที่ให้ดู) แม่สั่งคนเลี้ยงไว้ว่า พวกเรามีพี่อีกคน ให้พวกเราตามหา สรุปว่าเจอกันเพราะสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ก็แปลกดี
กรรมฐานแก้กรรมได้อย่างไร เรื่องของตาอ่อน ตาอ่อนอายุ 60 ปี มาปฏิบัติ เดินจงกรม 1 ชม.เดินได้ แต่พอนั่ง นั่งได้เพียง 20 นาที ปวดหัว หัวจะระเบิด เรียกหลวงพ่อ (ตอนนั้นหลวงพ่ออายุ 24 ปี ท่านก็มาสอนกรรมฐาน) แม่พิณก็เรียกหลวงพ่อ แม่พิณแก่กว่า แต่ปฏิบัติดี ปฏิบัติใส่เสื้อขาวยุงกัดจนเป็นเหมือนเสื้อสีแดง อดทนมาก มีความเพียรมาก ท่านก็เห็นกรรมของตาอ่อน แต่บอกไม่ได้ ต้องให้เห็นเอง นั่ง 20 นาทีปวดหัว ถ้าเดินอย่างเดียวเดินได้ 1 ชม. ตาอ่อน พอวันที่ 7 ท่านก็บอกให้ตาอ่อนนั่ง 1 ชม. เดิน 1 ชม.แล้วต้องนั่งให้ได้ 1 ชม. ถ้าหัวมันจะระเบิดก็ช่างมัน  ต้องให้รู้ว่าเราทำกรรมอะไรไว้ ท่านว่า ให้นั่งไป เดี๋ยวอาตมาจะนั่งเฝ้าพอ 20 นาทีแล้วก็ โอ๊ยๆ ไม่ไหวแล้ว หลวงพ่อ หัวมันจะระเบิด” “ระเบิดก็ระเบิด อธิษฐานเลย ตายเป็นตาย เนี่ย จะได้ใช้กรรม ใช้กรรมได้ในห้องกรรมฐานเท่านั้น ถ้าไม่ใช้กรรมนี้ไปตกนรกนะ เนี่ยเดี๋ยวจะเห็นกรรมหลวงพ่อก็ให้กำลังใจ ปวดๆๆๆๆๆ” “ปวดหนอๆๆๆพอเสียงระเบิดโพละ ดังมากในความรู้สึกของตาอ่อน ระเบิดแล้วเห็นหมดเลย รู้หมด แผ่เมตตาอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ลืมตา "หลวงพ่อครับ เห็นแล้วครับ หลวงพ่อครับ ผมระลึกชาติได้” (ทำกรรมฐาน (1) ระลึกชาติได้ (2) เห็นกฎแห่งกรรม (3) เกิดปัญญา แก้ปัญหาได้) ผมระลึกได้แล้วว่าทำไมปวดหัวตอนอายุ 60 ผมระลึกได้ว่าตอนอายุ 18 ผมเป็นศิษย์วัด บ้านอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ข้างวัดมีดรงสีข้าว มีขี้ยา มันกินฝิ่น มันก็ขโมยข้าวของของเถ้าแก่โรงสีไปขาย เอาเงินมาซื้อฝิ่นกิน สมัยนั้น ฝิ่นไม่ผิดกฎหมาย กินแล้วนอนฝันเฟื่องไม่ทำร้านใคร แก่โมโหมาก เอาปืนลูกซองมาใส่มือตาอ่อน เอ้า! ลื้อไปยิงมัน เอาให้หัวมันระเบิดเลย มันขโมยของของอั๊วไป ให้ 2 บาท สบายมาก คนยังหลับแกส่องโป้งสมองกระเด็น ตายแล้วเอาปืนไปคืน เอาเงินมาสองบาท ลืมเลย พอมาทำกรรมฐานก็นึกไม่ได้ มันปวดหัวมากโอ้โห! หลวงพ่อ กรรมฐานมันบอกด้วยนะ ว่าตอนนี้ อีตาคนนั้นไปเกิดเป็นผู้ชาย ชื่อนี้ บ้านเลขที่นี้ ตอนนี้อายุเท่านี้ ให้ไปแก้กรรมซะหลวงพ่อบอกตาอ่อน พรุ่งนี้ไปด้วยกัน อาตมาจะออกค่าเช่าเรือให้ หลวงพ่อก็เช่าเรือไปอำเภอเสนา พอเรือจอด แกก็รู้จักแล้ว เพราะเห็นหน้าในกรรมฐาน  เพราะเขาไปเกิดใหม่แล้ว โอย ผมขอโทษ (ก่อนไปหลวงพ่อให้ขออโหสิกรรม แผ่เมตตาไปก่อน) พอไปก็ไปเล่าให้เขาฟัง ผมขอโทษ ผมขอขมาเมื่อชาติที่แล้วของคุณ ผมยิงคุณตาย สมองคุณกระเด็น ผมไปทำกรรมฐานแล้วผมมาขอขมาอย่าเอาผิดกับผม อโหสิกรรมให้ผมนะตาคนนั้นเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่รู้ หัวเราะ เหอะเหอะ เอ้า ไม่เป็นไร ถ้ายิงผมชาติที่แล้ว ผมอโหสิ แต่ชาตินี้อย่ามายิงผมก็แล้วกันเห็นไหม กลายเป็นเรื่องดีไป เขาไม่โกรธ แสดงว่ากรรมของคนนั้นเขาไม่ชั่วมาก ตายตอนหลับจิตไม่ดีไม่ชั่ว เลยมาเกิดเป็นคนต่อ หลวงพ่อบอกตาอ่อน ถ้าแกไม่มาเข้ากรรมฐาน แกต้องตายตกนรกแน่ๆ ดอกเบี้ยสองเท่า เพราะฉะนั้น กรรมมีจริงแน่นอน
การทำปิตุฆาตมาตุฆาต ถึงเราจะไม่รู้ว่าคนนี้เป็นพ่อแม่ ก็เป็นครุกกรรม สมมุติว่าลูกเกิดมาไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ บังเอิญโตขึ้นไปฆ่าผู้ชายคนหนึ่งตาย บังเอิญผู้ชายคนนั้นเป็นพ่อ โดยที่ตัวเองไม่รู้ ก็เป็นครุกกรรม จะไม่เป็นครุกกรรม ต่อเมื่อลูกเป็นเดรัจฉาน มีพ่อแม่เป็นมนุษย์ หรือลูกเป็นมนุษย์ มีพ่อแม่ไปเกิดเป็นเดรัจฉาน การเกิดเป็นเดรัจฉานง่ายนิดเดียว ถ้าจิตไม่ดีแป๊บเดียว ไปเกิดเป็นไอ้ดำ ไอ้ด่างแล้ว
มีแม่ชีแดง (เป็นชื่อจริง เพราะตายไปแล้ว) มาบวช ไม่สนใจกรรมฐาน มีโลภะ กินแล้วนอน คนอื่นทำงาน แม่ชีแดงหลบ วันที่แม่ชีแดงจะตาย สุนัขออกลูกอยู่ข้างล่าง ส่งเสียงร้อง แม่ชีก็รำคาญ ตายด้วยจิตไม่ดี ไปเกิดเป็นลูกสุนัข รู้ได้อย่างไร ลูกสุนัขมีสีน้ำตาลทั้งครอก มีสีขาวตัวเดียว แล้วขี้เกียจมาก เดี๋ยวนอน เดี๋ยวนอน ที่รู้เพราะคุณแม่สุ่มปฏิบัติธรรมได้ฌาน แล้วก็เห็น ได้รู้ว่านี่คือแม่ชีแดง พฤติกรรมเหมือน แล้วก็ไปถามหลวงพ่อ หลวงพ่อ แม่ชีแดงไปเกิดเป็นลูกอีแดง” “เออ นั่นมันกรรมของเขา ใช่ เวลามันกินหัวปลาทู ตอนเป็นชี ก็จะกินด้วยความอร่อย พอไปเกิดเป็นสุนัข พฤติกรรมยังเหมือนเดิม เขาลองเอาหัวปลาทูให้มันกิน มันกินพฤติกรรมเหมือนแม่ชีแดงมาก เห็นไหมคะ เป็นชีอยู่ในวัดแท้ๆ ไปเกิดเป็นสุนัข อย่าดูถูกเรื่องกรรม การเกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก พระพุทธเจ้าบอก การดำเนินชีวิตให้อยู่ในทำนองคลองธรรม(ความดี)ก็แสนยาก การที่ได้มาฟังธรรมก็แสนยาก การที่พระพุทธเจ้าจะมาอุบัติก็เป็นเรื่องแสนยาก เพราะฉะนั้น เราเกิดเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนาแล้ว เราไม่ปฏิบัติถือว่าขาดทุนตลอดชีวิต
เรื่องมด พระไม่รู้ไปสอนผิดๆก็บาป คนเชื่อก็บาป มีเพื่อนคนหนึ่งจบธรรมศาสตร์ มาช่วยแปลงานให้หลวงพ่อ อาจารย์ พี่นะ สงสารแม่มาก แม่เป็นชาวปักษ์ใต้ มีลูกตั้ง 8 คน หลวงพ่อข้างวัดที่แม่นับถือสอนแม่ไว้ว่า โยม มดมันเป็นสัตว์ไม่มีดี เพราะฉะนั้นฆ่าได้ ไม่บาปพระสอนแม่ก็เชื่อ ก็มาสอนลูกต่อ แต่พี่คนนี้ไปเข้ากรรมฐานที่วัดอัมพวัน แค่เข้าครั้งแรกก็รู้ว่าพระสอนผิด เลิกฆ่ามดตั้งแต่บัดนั้น แต่แม่ไม่ยอมเชื่อ ต่อมาแม่ก็ป่วย แม่ล้มป่วยเป็นอัมพาตอยู่หลายปี วันที่แม่จะตาย ยังพูดได้ แม่ร้องโวบวาย บอกได้เลยว่าตายไปเกิดในทุคติแน่นอน เพราะว่าเมื่อจิตเศร้าหมองแล้ว ทุคติย่อมเป็นที่หวัง โอ๊ย มดมันขบกู มดมันขบกูๆๆ ร้องโกรธมด ด่ามด พอลูกมาดู มดที่ศีรษะตัวเป้งๆ กัดจนเห็นเนื้อแดงๆ จนกระทั่งขาดใจตาย บอกได้ว่ามาจากพระสอน เคยมีคนมาถาม อาจารย์ หนูมันเป็นสัตว์ไม่มีดี มันมากัดของเสียหาย ฆ่าได้ไหมก็เลยเล่าเรื่องมดให้ฟัง แล้วเอาหนังสือไฟไหนเล่าร้อนเท่าไฟนรกให้อ่าน เลยเชื่อ (ไม่มีดี หมายถึง ไม่มีถุงน้ำดีเหมือนมนุษย์)

ช่วงตอบคำถามผู้ฟัง
คำถาม   คนยุคใหม่เขาไม่เชื่อเรื่องนรก-สวรรค์ อาจารย์จะทำอย่างไร ให้เขาเข้าใจ หรือว่าเชื่อ?
คำตอบ  กัมมุนา วัตตะตี โลโก  ถ้าเขาไม่เชื่อก็คือไม่เชื่อ ไม่เฉพาะฆราวาส ก็อย่างที่กราบเรียนแล้ว เปรียญ 9 ยังไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริง ไม่มีตถาคตโพธิสัทธา ถ้าอธิบายตามหลวงพ่อจรัญ ท่านบอกว่าคนที่เกิดหลัง พ.ศ. 2500 เป็น 25 พุทธศตวรรษ ฉะนั้น สัตว์นรกได้รับการนิรโทษกรรมมามาก ก็มาเกิด ท่านบอกว่าคนเกิดยุคหลังปี 2500 จะดียาก เพราะส่วนใหญ่จะมาจากเมืองนรก ลูกเต้าจะสอนยากมาก ในทางพระพุทธศาสนาถือว่า ยังไม่ถึงเวลาของเขา พระพุทธองค์ตรัสว่าทุกคนมีพุทธภาวะอยู่ในตัว คือมนุษย์มีศักยภาพที่จะบรรลุธรรมเท่าเทียมกันทุกคน ไม่จำกัดเพศว่า หญิง ชาย กระเทย ฯลฯ แต่มันยังไม่ถึงเวลาของเขา เขาจะต้องเวียนว่ายในวัฏสังสารอีกนาน สมัยพุทธกาลพระท่านเล่าให้ฟัง หญิงแก่คนหนึ่งบ้านอยู่ติดประตูวัดเชตวัน ไม่เคยเข้าวัดเลย พระอานนท์ก็ถามว่าพระพุทธเจ้าทำไมไม่ไปเทศน์โปรดหญิงชราคนนี้ พระพุทธองค์ตอบว่า เขาเป็นมิจฉาทิฐิ เขาไม่ฟังหรอก และต้องการจะพิสูจน์ให้พระอานนท์เห็น พระองค์จึงเสด็จไป พอพระพุทธเจ้าเสด็จมาปรากฏต่อหน้าหญิงคนนั้น แกก็หันหลังให้ทันที พระพุทธองค์ทรงแสดงฤทธิ์ ทรงนิมิตเป็นหลายองค์ ทั้งซ้ายขวาหน้าหลัง แกก็เงยหน้าขึ้น พระพุทธองค์จึงปรากฏพระองค์กลางอากาศแกก็ก้มหน้าดูดิน พระพุทธองค์ตรัสว่า เห็นไหมอานนท์ ยังไม่ถึงเวลาของเขา สำหรับพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงปฏิบัติพุทธกิจ 5 เวลา ปัจจุเสวะ คะเต กาเล ภัพพาภัพเพ วิโลกะนัง ใกล้รุ่ง ทรงเข้าสมาบัติแผ่เมตตาไปทั่วจักรวาล ทรงตรวจพิจารณาสัตว์ที่สามารถ และที่ยังไม่สามารถบรรลุธรรม อันควรจะเสด็จไปโปรดหรือไม่ ตัวอย่างเช่น พระวักกลิ ชอบตามพระพุทธเจ้า แต่ไม่ปฏิบัติธรรม พระพุทธเจ้าทรงปล่อยไปก่อน จนกระทั่งอินทรีย์แก่กล้าจึงเทศน์โปรด โย ธัมมัง ปัสสะติ โส มัง ปัสสะติ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราพระวักกลิบรรลุธรรมเลย เพราะฉะนั้น ต้องปล่อยให้อินทรีย์แก่กล้าก่อน ถ้าเขาไม่เอาก็คือไม่เอา ดิฉันเคยได้รับคำถามตอนที่ไปออกโทรทัศน์ที่วังไกลกังวลของ UBC คนจะถามมากเลยว่า ทำอย่างไรถึงจะให้คนมาเข้าวัด ก็ดูอย่าง ผอ. ทั้งหลายที่ไปวัดก็ยังคุยกัน กินกาแฟกัน ไม่ยอมปฏิบัติ เขาไม่เอา ว่าเขาเขายังกลับว่าให้ ว่าควบคุมอารมณ์ไม่ได้ น่าสงสารมากเลยค่ะ เขายังต้องเวียนว่ายอยู่ในวัฏสงสารอีกนาน
คำถาม   ในฐานะที่ผมเป็นหมอ ช่วง พ.ศ. 2500 มา คนเป็นมะเร็งเยอะมาก ไม่ทราบว่ามีตัวอย่างไหม ว่าการที่เกิดมะเร็ง มันเกิดจากกรรมอะไร?
คำตอบ  มาจากความเครียด ถ้ามะเร็งก็มีตัวอย่าง โยมคนจีนมาจากสิงคโปร์ อายุ 70 แกเป็นมะเร็งที่ขา งอไม่ได้ ผ่าตัดไปแล้ว คนก็แนะนำมาเข้ากรรมฐาน เวลานั่ง ขาต้องชี้ไปข้างหน้า เดินต้องใช้ไม้เท้า พอนั่งเข้ากรรมฐาน โอ๊ย! ปวดขาๆ ขาจะหลุด ไม่เอาแล้ว หลวงพ่อบอกว่าให้ดู ให้รู้ว่าที่เป็นมะเร็งมันเกิดจากกรรมอะไร? ในความหมายทางพุทธศาสนา โรคทุกโรคเกิดมาจากกรรม คือไปเบียดเบียนสัตว์ ไปฆ่าสัตว์ แกเป็นข้างขวา หลวงพ่อให้กำหนดปวดหนอๆ เป็นเวทนาที่จะเป็นประตูไปสู่การระลึกชาติได้ ก็ทน ปวดหนอ ๆๆ พอปวดสุดแล้วเห็นในกรรมฐาน ระลึกได้ว่า ตอนเป็นสาวอายุ 17 เลี้ยงหมูขาย วันหนึ่ง หมูตัวหนึ่งมันดื้อ แกก็เอาฟืนเขวี้ยงไปถูกขามัน ด้านเดียวกันกับขาที่เป็นมะเร็ง จนขามันเป็นแผล ต่อไปมันก็เน่า แกก็เลยฆ่ามัน เอาเนื้อไปขาย เพราะกลัวมันเน่าทั้งตัว แกก็ลืมไปแล้ว ต่อมาแกก็หกล้ม สรุปได้ว่า กรรมตัวนี้มาจากกรรมที่แกทำไว้กับหมู แกก็เลยขอขมาแล้วก็แผ่เมตตาให้หมู ทำให้ต่อมาหายเจ็บปวด ขาก็เริ่มงอได้ เดินได้โดยไม่ต้องใช้ไม้เท้า สรุปว่า ขาข้างที่ผ่าตัดเพราะเป็นมะเร็งหายเป็นปกติ
มีภรรยาของผู้อำนวยการบริษัทแห่งหนึ่งไปเล่าให้หลวงพ่อฟัง ว่าปวดศีรษะมาก ปวดรุนแรงแบบไมเกรน หลวงพ่อเห็นหน้า ท่านจะทราบเลยค่ะ แต่ท่านไม่บอก ต้องให้เจ้าตัวรู้เอง ต้องให้เจ้าตัวรู้เอง ลองนึกดูดีๆว่า เคยไปหักหัวจิ้งหรีด อะไรไหม?” “โอ๊ย! หลวงพ่อ หนูนึกได้แล้ว ตอนหนูอายุ 8 ขวบ จับจิ้งหรีดให้มันกัดกัน ไอ้ตัวไหนแพ้ หนูเด็ดหัวมันทิ้งเลย” “นั่นแหละ เขามาทวง” “แล้วให้ทำอย่างไรคะ” “เข้ากรรมฐานแล้วแผ่เมตตาแล้วบอกว่าไปหาอีกกี่หมอก็ไม่หายหรอก ต้องกรรมฐานเท่านั้นถึงจะหาย ก็ยอมเข้ากรรมฐาน 7 วัน หายเด็ดขาดเลย
อีกคนหนึ่ง ทหารพันเอก ภรรยาเป็นอาจารย์จุฬาฯ ลูกชายเรียน จปร. ปี 5 ซึ่งเป็นปีสุดท้าย ขณะที่ไปหาหลวงพ่อไปกันสองคนกับภรรยา ลูกชายเป็นมะเร็งอยู่ รพ. ศิริราชแล้ว ให้เลือด ให้น้ำเกลืออยู่ หมอบอกว่า เลือดมันทำท่าจะไม่เดินแล้ว ทุกข์มาก เลยไปหาหลวงพ่อ หลวงพ่อเห็นหน้าก็บอกว่า มันเป็นกรรมที่ผู้พันทำไว้นั่นแหละ” “ผมทำกรรมไว้เมื่อไร” “กรรมท่านเป็นคนทำ อาตมาไม่ได้ทำด้วย ลองนึกดูเองซิ” “เอาละ งั้นถามใหม่ ตอนที่ลูกชายท่านจะเรียน จปร.ปี 1 ตอนรับน้องใหม่ ลูกท่านถูกรุ่นพี่ปี 2 เตะ ใช่ไหม?” “ใช่” “เตะที่ไหน? ที่ท้องใช่ไหม?” “ใช่” “แล้วลูกของท่านก็ปวดท้องมาเรื่อยๆ จนกระทั่งปี 3 ปี 4 มันก็เป็นมะเร็ง” “ใช่” “ท่านลองนึกดู ตอนที่ท่านอยู่ปี 2 ท่านเคยเตะรุ่นน้องไว้ ต่อมาเขาก็เป็นมะเร็งที่ท้องเหมือนกับที่ลูกท่านเป็น แล้วเขาก็ตายไปตอนเรียนปี 5 บ้านเขาอยู่นครนายก เขาอาฆาตท่าน เขายังไม่เกิด แล้วกรรมก็มาตกที่ลูกท่าน พฤติกรรมที่ลูกเป็น เหมือนพฤติกรรมที่ท่านทำทุกอย่างร้องไห้เลยค่ะ น้ำตาร่วงโอย! ผมมีลูกชายคนเดียว ผมลืมไปแล้ว แต่ผมจำได้ว่าผมเตะมัน เตะไว้เยอะ” “ถ้าท่านจะเชื่ออาตมาหรือไม่เชื่อก็ตามใจนะ ท่านกับภรรยาต้องเข้ากรรมฐาน 7 วัน ตั้งใจปฏิบัติแล้วขออโหสิกรรม และอุทิศส่วนกุศลให้เขา เขาจะได้รับอย่างเดียวคือกรรมฐาน ท่านจะไปถวายสังฆทาน จะไปสร้างโบสถ์ 7 วัดก็ไม่ได้ ต้องกรรมฐานเท่านั้น เชื่อไหม? ถ้าเชื่อลูกท่านก็อาจจะรอด ถ้าเขาอโหสิกรรมให้ แต่ถ้าไม่เชื่อลูกท่านตายอย่างเดียว เนี่ย...เลือดไม่เดินแล้วนี่ ใช่ไหม?” “ใช่ครับ ผมถึงไม่รู้จะพึ่งใครพอเข้ากรรมบานได้ 5 วัน เขามาบอกในกรรมฐาน อโหสิ อโหสิ อโหสิ อนุโมทนามิขอบคุณมาก จะไปเกิดแล้ว รีบมาบอกหลวงพ่อ อ๊ะ! เหลืออีกสองวันก็ไม่ต้องนั่ง ลูกท่านไม่ตายแล้ว ก็กลับไปดูลูก กลับไปรพ.ศิริราช หมอรายงานว่า 4-5 วันนี้คนไข้ดีขึ้น  ดีขึ้น จนกระทั่งบัดนี้เลือดเดิน ในที่สุดกลับบ้านได้ ตอนนี้เป็นนายพันแล้ว
โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ สามี-ภรรยาเป็นหมอทั้งคู่ ลูกชายคนแรกออกมาเป็นง่อย คนที่ 2 ก็ลูกชายเป็นง่อยอีก คนที่ 3 เป็นลูกสาวออกมาหัวยาวยืดก็เป็นง่อยอีก วันหนึ่งไปหาหลวงพ่อ เล่าเรื่องลูกออกมาสามคน เป็นง่อยหมดเลย ผมก็เรียนเก่ง ภรรยาก็เรียนเก่ง ทำไมลูกเป็นง่อย ปัญญาอ่อน จะให้พูดตรงๆไหม? อย่าโกรธกันนะหลวงพ่อบอกก็หมอไปรับทำแท้ง ฆ่าลูกเขาตั้งเยอะตั้งแยะโกรธ! ผมช่วยเขานะ ผิดด้วยเหรอ! มันท้องกับผอ. ไม่ทำก็ต้องไล่ออก ผิดด้วยเหรอ? อีกคนหนึ่งเด็กนักเรียนอ้างแต่ความช่วยเหลือ ไม่เป็นไรนะ ไม่เชื่ออาตมาก็ไม่เป็นไร หมอคิดไว้ใช่ไหมว่าจะมีลูกอีกสองคน ผู้หญิง 1 ผู้ชาย 1 ออกมามันก็ง่อยเหมือนกับพี่ๆมันนั่นแหละเอ้า! เราปรึกษากันที่บ้านทำไมหลวงพ่อรู้ พอบอกว่า ไอ้คนเล็กผู้หญิง พอออกมาหัวยาวเลยใช่ไหมล่ะหมอผู้หญิงร้องไห้โฮเลย หลวงพ่อรู้เกินกว่า คาดไม่ถึง เขาก็เชื่อ หลวงพ่อจะทำอย่างไร? มีวิธีแก้กรรมไหม?” มี จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ถ้าแก้นะ ลูก 2 คนออกมาปกติ อาตมาประกันได้ ให้เข้ากรรมฐานคนละ 7 วัน เขาก็เข้า แล้วออกไป ตอนหลังหายไป 2-3 ปี เขียนจดหมายมาบอกจากอเมริกา ผมต้องใช้คนใช้ถึง 3 คนดูแลลูก เมืองไทยได้เงินเดือนน้อย ก็เลยอพยพมาอยู่อเมริกา เอาคนใช้มา 3 คน ตอนนี้มีลูกแล้วสองคน ผู้หญิง 1 ผู้ชาย 1 ปกติดีทุกอย่าง ถ้าผมไม่เชื่อหลวงพ่อ ผมก็เชื่อว่าลูกที่ออกมาอีก 2 คนจะต้องเป็นง่อย
โรคภัยไข้เจ็บเกิดจากความเครียด และเกิดจากกรรม หลวงพ่อบอกว่าเกิดจากเวรจากกรรม ในหนังสือสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม อาจารย์ชิด ที่เป็นมะเร็งที่คอ  หลวงพ่อบอกว่า เนี่ย...คนนี้ เมียตายก่อน แล้วเมียก็ตายก่อนจริงๆ แล้วบอกว่าอย่าไปแต่งงานใหม่นะ เพราะจะถูกเมียใหม่ฆ่าตาย ไม่เชื่อหลวงพ่อ ไปแอบแต่ง ในที่สุดผู้หญิงเอาไซยาไนด์ค่อยๆให้กิน จนกระทั่งตาย เพราะเขาจะเอาสมบัติ แต่กรรมมันก็ต้องเกิดแน่นอน ใครทำกรรมอย่างไรมันก็ต้องเกิดอย่างนั้น ถ้าใครทำกรรมกับเรา แล้วเราแผ่เมตตาให้ เราก็จะไม่มีกรรมตรงนั้น แต่ถ้าเราไปต่อกรรมด้วย ต่างคนต่างแบกกรรมกันไป เมื่อก่อน อาจารย์นิศา เชนะกุล บอก อุ๊ย! รับไม่ได้ รับพระพุทธเจ้าไม่ได้เลย ใครเขาจะมาตัดแขน ใครเขาจะมาตัดคอ พระองค์บอก เพียงแต่เราโกรธ เราก็เลวกว่าเขา แต่พอมาเข้ากรรมฐาน พอเมตตาเกิดขึ้นแล้ว โอย! พระพุทธเจ้าสอนนี่ จริงทุกเรื่องเลย ปฏิบัติแล้วจะรู้
เรื่องอีเขียว เป็นคนนครราชสีมา มาเข้าฝันลูกสะใภ้ 3 คืนติดกัน บอกว่าแม่ยืมเงินบ้านโน้น บอกชื่อเสร็จ ยืมเงิน 5 บาท แล้วตั้งใจโกงเขา ก็เลยไปเกิดเป็นวัวให้เขาใช้ บอกผัวเอ็งนะ เอาเงินไป 1 พัน ไปไถ่แม่มา เขาใช้งานหนักมากเลย ภรรยาเล่าให้สามีฟัง หาว่ากินมากฝันมาก คืนที่ 2 ฝันเหมือนเดิม สามียังไม่เชื่อ คืนที่ 3 ก็ฝันเหมือนเดิม สามีบอก เออ! ก็ลองไปดู ก็เอาเงินไป 1 พัน ไปบ้านโน้น ป้า ป้า ป้ามีวัวไหม?” “เอ้า! อีเขียวไง ตอนนี้มันเพิ่มจะตกลูก ตัวผู้ด้วยนะนึกในใจ ก็จริงนิ ป้า ผมเป็นลูกคนนั้น รู้จักไหม?” “รู้จัก” “เออ แล้วตอนแม่ผมจะตาย แม่เคยยืมเงินป้าไหม?” “ยืม” “เท่าไร?” “5 บาท” “แล้วแม่ใช้คืนแล้วยัง” “ยังไม่ได้คืนหรอก เพราะมันตายซะก่อน” “ป้า ผมไม่มีวัวจะทำนา จะขอซื้อวัวได้ไหม?” “ไม่ได้ มีอยู่ตัวเดียว ตอนนี้มันเพิ่งออกลูก ถ้าขายแล้วจะเอาวัวที่ไหนใช้?” “ขายผมแล้วกันนะ ผมเอามา 1 พันบาทตื๊อเท่าไรก็ไม่ยอมขาย ทำอย่างไรถึงจะช่วยแม่ได้ ในที่สุดก็ต้องบอก ป้า แม่มาเข้าฝันเมียผมแล้วก็เล่า ป้าร้องไห้น้ำตาไหล งั้นก็เอาไป เอาแม่เอ็งไปเลี้ยงก็รับเงิน 1 พัน แล้วแม่ผมอยู่ไหน?” “อยู่ในคอกก็ลงไป มันนอนให้นมลูกอยู่ พอบอกว่า แม่จ๋า ลูกมารับแล้วมันลุกขึ้นเลยค่ะ น้ำตามันไหลพรากๆ นี่คุณแม่สิริ กรินชัยเล่าให้ฟัง ตามลูกไปต้อยๆ ปรากฏว่าชายคนนี้ได้แม่กับน้องคนละพ่อไปเลี้ยง กรรม เห็นไหมคะ? 5 บาทต้องไปเป็นวัวเป็นควายให้เขาใช้ เดี๋ยวนี้คนโกงกันเป็นร้อยๆล้าน ไปเกิดเป็นวัวเป็นควายไม่รู้กี่ชาติเลย
คำถาม   ตามหลักศาสนาพุทธแล้ว ไม่มีการอโหสิกรรมในกรรมที่ทำไปแล้วยกเว้นบรรลุอรหัตผลเท่านั้น จริงหรือไม่?
คำตอบ  จริงค่ะ ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม คือกรรมที่ให้ผลในชาตินี้ อุปปัชชเวทนียกรรม กรรมให้ผลในชาติหน้า อปราปริยเวทนียกรรม กรรมอันที่ 3 จะตามเราไปทุกภพทุกชาติเลย จนกว่าเราจะบรรลุอรหัตเมื่อไร ถึงจะหยุด กลายเป็นอโหสิกรรม แต่เรื่องที่เล่ามา เราสามารถขออโหสิกรรมได้จากกรรมฐาน จากกรรมฐานอย่างเดียวค่ะ บางทีถึงเป็นพระอรหันต์ กรรมก็ยังตามมา อย่างพระโมคคัลลานะ ฆ่าพ่อฆ่าแม่ กรรมมาให้ผล ต้องถูกโจรทุบตาย ท่านก็เหาะหนีมาได้เป็นร้อยครั้ง ในที่สุด อ๋อ! เป็นกรรม กรรมที่ทำกับพ่อแม่ หนีโจรหนีได้ แต่หนีกรรมหนีไม่ได้ แล้วประสานกระดูกแล้ว เหาะไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ขออนุญาตปรินิพพาน ฉะนั้น ถ้าเราเข้ากรรมฐาน มีโอกาสขออโหสิกรรมได้ พ่อแม่ตกนรกยังช่วยได้ มีลูกสาวไปตกนรก เป็นลูกนายทหาร แม่เป็นอาจารย์อยู่วิทยาลัยครูแห่งหนึ่ง ลูกสาวยิงตัวตาย ไม่มีใครรู้ว่ายิงตัวตายเพราะอะไร พ่อแม่ถวายสังฆทานอย่างไรก็ไม่เคยฝันเห็นลูกซักที ทำบุญส่งผ้าขาวไป ในที่สุดก็ไปหาหลวงพ่อ หลวงพ่อบอก วิธีเดียว คือกรรมฐาน พอทำกรรมฐานเท่านั้น ลูกใส่ชุดขาวมา คุณพ่อขา คุณแม่ขา หนูมากราบขอบคุณที่ช่วยหนูขึ้นจากนรก หนูจะไปทำบุญต่อที่สวรรค์ ใส่ชุดที่พ่อแม่ทำบุญอุทิศให้ที่วัด ในเรื่องไฟไหนเล่าร้อนเท่าไฟนรก สมภารตง ช่วยเตี่ยขึ้นมาจากนรกได้
คำถาม   การที่เราทำบุญอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรและขออโหสิกรรมก็ไม่มีผลใช่ไหมครับ?
คำตอบ  มีผลค่ะ อุทิศไป มีผลได้ เหมือนกับตาอ่อน จิตมีพลัง เหมือนกับพระพุทธเจ้าบอกว่า มะโนปุพพังคะมา ธัมมา มะโนเสฏฐา มะโนมะยาจิตสำคัญมาก ถ้าเราฝึกจิต เราสามารถนำจิตไปใช้ประโยชน์ได้มหาศาล
คำถาม   มีแมวหลงทางมาอาศัยในบ้าน ซึ่งเขาไม่เต็มใจเลี้ยงไว้ ข้าพเจ้าแนะนำให้เอาแมวไปปล่อยวัดเจ้าของจึงนำแมวไปปล่อยวัดตามคำแนะนำ ข้าพเจ้าไม่สบายใจเมื่อนึกถึง เพราะคิดว่าได้ขาดความเมตตากรุณา เขาลำบากมาก็ไม่ให้เขาพึ่งพิง กลับไปขับไล่ไสส่ง ควรคิดหรือทำอย่างไรไม่ให้ทุกข์ใจในเรื่องนี้คะ?
คำตอบ  อยู่ที่เจตนา อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำว่าไม่ควรไปปล่อยวัด เห็นแล้วสงสารเจ้าอาวาสที่ต้องมานั่งเลี้ยงแมว พูดถึงแมว ดิฉันเป็นห่วงคนที่รักสุนัขรักแมว ห่วงว่าจะไปเกิดเป็นสุนัขเป็นแมว เพราะเอาจิตไปผูกพันมาก จริงๆนะคะ บางคนถึงกับน้ำตานองหน้าทุกครั้งที่จิตผูกพันมันมาก  เกิดอยู่ในช่วงที่เป็นอาสันนกรรม เขาก็มีสิทธิไปเกิดเป็นสุนัขหรือเป็นแมวได้ เพราะจิตผูกพันกับอะไร จะไปเกิดตรงนั้น เขาเป็นสัตว์เดรัจฉานถึงจะเคยเป็นญาติกับเรามา ในเมื่อเขาทำกรรมไม่ดี ไปเกิดเป็นเดรัจฉานก็ไม่ใช่ญาติของเราแล้ว อย่าว่าแต่เดรัจฉานเลย เกิดเป็นมนุษย์ ยังไม่นับญาติกันเลย
มีเศรษฐีอ่างทอง ไม่ทำบุญทำทานเลย พระมาเรี่ยไร บอกให้ไปข้างหน้าก่อน ถ้าขอทานมา สอนลูกให้ไล่ตี พอตายไป เกิดเป็นคนยากคนจนขัดสน ไปเกิดเป้นลูกขอทานที่ห้วยแถลง พออายุ 14 แยกออกมาขอทานคนเดียว วันหนึ่งขอทานมาเจอบ้านตัวเองก็จำได้ เข้าไปในบ้าน ลูกหลานเอาไม้ไล่ตีใหญ่เลย เขาก็เสียใจมาก นี่คือเขาสอนลูกหลานไว้ ก็พยายามจะบอกว่าเขาเป็นพ่อ เขาไม่รับ เรื่องอะไรจะเอาขอทานมาเป็นพ่อ ในที่สุดมีหลักฐาน ก่อนจะตายเมียตายก่อน เขากลัวว่าถ้าลูกไม่เลี้ยงจะทำอย่างไร เขาก็เลยเอาทองกี่บาทไม่ทราบไปฝังไว้ข้างวัด แล้วไม่ได้บอกลูกให้ทราบ พอเขาตายไป กลับมาเจอบ้านระลึกได้ เขาก็พิสูจน์ว่าทองจำนวนนี้ฝังไว้ที่วัด ก็ไปดู พากันไปขุด เจอตามนี้ทุกอย่าง แทนที่จะรับเป็นพ่อ ไม่เลย พูดว่า อันนี้เป็นสมบัติของพ่อกู มึงเอาไปเส้นหนึ่งให้แล้วก็ไล่ไป เขาเสียใจมาก เขาก็ไปเล่าให้หลวงพ่อจรัญฟัง เพราะตอนที่เขาเป็นเศรษฐี เขารู้จักกับโยมพ่อของหลวงพ่อ ก็เล่าให้หลวงพ่อฟัง แล้วบอกให้หลวงพ่อไปสอนว่าเวรกรรมมีจริง หลวงพ่อก็ชวนให้เขาอยู่ ให้เขาบวช ก็ไม่เอา เตร็ดเตรไปนอนตายอยู่เชิงบันไดวัดพระพุทธบาท คือใจเหี่ยวแห้งแล้ว ไม่อยากอยู่แล้ว
คำถาม   เรื่องแมวควรคิดหรือทำอย่างไร ไม่ให้ทุกข์ใจ
คำตอบ  สวดมนต์ อิติปิโส พาหุง แล้วขออโหสิกรรมกับแมว ถ้าคิดว่าทำบาปกับเขา แล้วแผ่เมตตาไป เราก็จะสบายใจขึ้น
คำถาม   เวลาปฏิบัติตอนกลางคืน หรือตอนเช้ามืด แต่เป็นคนกลัวผี จะทำอย่างไรที่จะไม่ให้กลัวในเรื่องของความมืด
คำตอบ  ภาวนาว่ากลัวหนอ กลัวหนอ อย่ากลัวมากเดี๋ยวจะเพี้ยนไปเลย ตอนนั้นอยู่อุตรดิตถ์ เขาบอกว่าตรงนี้เคยเป็นสนามรบ ใครมาก็เจอทั้งนั้น มากวนมาก มาหลอก อาจารย์เข้ามาใหม่ก็เจอ อันนี้คือผีตัวจริง ดิฉันเคยกลัวผีมาก ตอนยิงกันตาย 14 ตุลา เด็กมาพูดด้วยก็กลัว นึกว่าผี จนประสาทจะเสีย มีอาจารย์ผู้ชายเขาบอกว่ากลัวมากอย่างนี้จิตจะเสีย ต้องกำหนดจิตแล้ว ผีเขาทำอะไรเราไม่ได้หรอก เขามาขอส่วนบุญ คนที่เจอผีคือคนมีบุญ เพราะฉะนั้น ถ้าเรายิ่งทำกรรมฐาน แล้วเขามาขอ ให้เขาไปเลย เราจะได้บุญมากเลยค่ะ แล้วเขาต้องเป็นญาติกับเรา เขาถึงมาขอ ฉะนั้นอย่ากลัว ทำกรรมฐานแล้วไม่กลัวผี เขาทำอะไรเราไม่ได้หรอกค่ะ
ผู้ฟัง        เมื่อตะกี้คุณหมอถาม คนเราทำไมเป็นโรคมะเร็งมาก ผมตอบว่า เป็นเพราะทานอาหารเสริมมาก และอีกประการหนึ่งที่ผมจะขอสนับสนุนความคิดของอาจารย์ คือว่าเกิดกับตัวผมเมื่อผมอายุ 20 ผมเลี้ยงเป็ด ซื้อเป็ดมา 200 ตัว ก็ถูกหมาที่บ้านมันไปกัดเป็ดตายหลายตัว ผมก็เอาไม้ตีหมาซะหลังลากเลย 2 ขาลาก เดินเตาะแตะๆ พอผมอายุประมาณ 40 ผมไปล้างรางน้ำ เอาโต๊ะไปรอง ตกลงมาหลังแอ่นเลย อันนี้เป็นกฎแห่งกรรมที่ผมจำได้ เป็นเรื่องที่สนับสนุนกฎแห่งกรรมของอาจารย์ครับ
อาจารย์สุจิตรา    พูดถึงโรคมะเร็ง มีหมอเคยออกโทรทัศน์ คุณแม่ดูแล้วเล่าให้ฟัง บอกว่าคนที่เป็นมะเร็งมาก อีกสาเหตุหนึ่งก็คือใช้ถุงพลาสติค แล้วกินอาหารอุตสาหกรรม ไม่ใช่สดๆ อาหารแปลงรูป อาหารเสริม คุณหมอที่ออก ท่านพูดเลย ต่อไปผมจะหิ้วปิ่นโตแล้ว เพราะผมต้องซื้ออาหารตามร้าน ผมจะหิ้วปิ่นโตให้เขาใส่ จะไม่ใช้ถุงพลาสติคแล้ว เขาบอกว่าถุงพลาสติคมันมีสารที่ก่อมะเร็ง แล้วคนฝรั่งจะเป็นมะเร็งเยอะ เพราะเขากินอาหารกระป๋อง อาหารที่แช่แข็งไว้ เพราะอาหารมันมีอายุของมัน แล้วเก็บไว้หลายเดือน ฝรั่งเป็นมากแล้วเครียดด้วย เขาไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนา ไม่รู้จักสวดมนต์ สังคมอเมริกัน ท่านเจ้าคุณพระธรรมปิฎกว่า คนอเมริกันเครียดมาก เขาคิดว่าเขาเลิศในทางวัตถุแล้ว เขานึกว่าพระเจ้าทำให้เขาสมบูรณ์ด้วยวัตถุ แต่พออายุมาก เขาสงสัยพระเจ้าแล้วว่าทำไมพระเจ้าไม่ให้เขาดีทุกอย่าง ทำไมต้องมานอนโรงพยาบาล เป็นมะเร็ง ทำไมพระเจ้าไม่ช่วยเขา ตอนนี้คนแก้อเมริกันเริ่มสไตรค์พระเจ้ากันแล้วค่ะ
คำถาม   คำว่าทำกรรมฐานของสายท่านอาจารย์จรัญหมายความว่าอย่างไร?
คำตอบ  คือกรรมฐานจะมีสองกลุ่ม คือสมถะ กับ วิปัสสนา แต่อย่างไรก็ตาม วิปัสสนากรรมฐานในตอนต้นก็ต้องเป็นสมถะก่อน คือทำอุบายทำจิตให้สงบก่อน เมื่อจิตสงบแล้ว เราก็ใช้จิตที่สงบแล้วนั้นเป็นฐานให้เกิดปัญญา ปัญญาเหมือนอาวุธที่คมซึ่งจะฆ่ากิเลส ก็ตัดเวรตัดกรรมได้ แล้วถ้าปัญญาผ่องใสมาก ก็อาจตรัสรู้แบบพระพุทธเจ้าตรัสรู้ เพราะฉะนั้นการปฏิบัติส่วนใหญ่ เริ่มจากสมถะ แม้จะเรียนวิปัสสนา ขณะที่เดินจงกรมหรือกำหนดพองหนอยุบหนอ ตรงนั้นก็ยังเป็นสมถะอยู่ แต่จะเป็นวิปัสสนาเมื่อจิตสงบแล้ว ก็จะเห็นพระไตรลักษณ์ เห็นการเกิดดับของรูปนาม ตรงนี้จะเป็นวิปัสสนาค่ะ
ผู้ฟัง        ผมเข้าใจ เรื่องนี้ผมเข้าใจ คือความเข้าใจของผม เดิมทีเดียวผมเข้าใจอย่างที่ได้อธิบายมาว่า มีสมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน สมถกรรมฐาน คือการทำจิตให้สงบเป็นสมาธิ แต่ถ้าวิปัสสนากรรมฐานหมายถึงปัญญา ทีนี้ มันเลยไปถึงต้องถามอาจารย์ก็คือว่า บอกว่าถ้าเข้ากรรมฐาน หรือไปทำกรรมฐานแล้วเนี่ย มันจะไปทำให้เรา พูดง่ายๆว่าล้างบาปของตัวเราที่ทำมาแล้ว คำว่าล้างบาปในที่นี้ ผมเข้าใจว่าสายทางด้านของอาจารย์หลวงพ่อจรัญ ก็คือว่าให้เหมือนกับศาสนาอื่นบางศาสนา ซึ่งเขาซื้อหรือล้างบาปมา แต่ความจริงแล้ว เมื่อจิตเราสงบ เรามีปัญญาแล้ว เราจะมองเห็นแต่ในสิ่งที่ดีงาม แล้วก็อาจให้อภัยตัวเอง ทิ้งความหลังครั้งเก่า แล้วเราก็ตั้งหน้าตั้งตาทำความดี ผมคิดว่าอย่างนั้น ผมยังไม่มีเวลาที่จะล้วงลึกไปว่ากรรมวิธี หรือวิธีการที่หลวงพ่อจรัญสอนในเรื่องกรรมฐานนี้ หมายถึงอย่างไรบ้าง เพราะผมเองก็คิดว่าผมปฏิบัติสมถะและวิปัสสนากรรมฐานมาหลายปีแล้ว เวลานี้ก็ปฏิบัติอยู่ ก็คิดว่าการทำกรรมฐานของหลวงพ่อจรัญก็ยังอยู่ในวง หรืออยู่ในกฎคำสอนของพระพุทธเจ้า หรือในพระไตรปิฎกใช่ไหมครับ
อาจารย์สุจิตรา    ใช่ค่ะ อยู่ในหมวดสติปัฏฐาน 4 ค่ะ
คำถาม   สามีเป็นโรคหัวใจ ต้องผ่าตัดหัวใจ ตอนนั้นได้ไปหาหลวงพ่อจรัญ ท่านก็บอกว่าให้ทำเป็นรายแรก แต่ปรากฏว่าหมอจัดเป็นรายที่ 2 แล้วก็เปลี่ยนไม่ได้ แต่ด้วยความอัศจรรย์ คือว่ารายแรกเลือดที่เตรียมไม่พร้อม ก็เลยเอารายของสามีท่านไปเป็นรายแรกแล้วก็รอดชีวิตมา 10 ปี แต่หลังจากนั้นก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว คนที่ถามเป็นภรรยาอยากไปกราบหลวงพ่อจรัญที่ได้ชุบชีวิตสามีไว้ ว่าควรจะทำอย่างไร ต้องไปกราบท่านหรือไม่
คำตอบ  ที่ท่านเล่ามา เพราะหลวงพ่อเห็นว่าจะต้องเป็นรายแรก แปลกมากจริงๆ ท่านพูดอะไรออกมาจะเป็นตามนั้น เรื่องอย่างนี้มีเยอะเลยค่ะ บางทีอยู่ท้ายสุด เช่น ตำแหน่งที่จะเป็นอธิบดี ปรากฏว่าอยู่ตั้งอันดับที่ 4 ที่ 5 หลวงพ่อบอกว่าได้เป็นงวดนี้ เขาบอกว่า ผมอยู่ตั้งอันดับ 5 พอถึงเวลาจริงๆ คนที่ 1 ล้มหายตายจาก เป็นอะไร ถูกสอบสวนบ้าง ในที่สุดถึงเขาค่ะ เลยก็เป็นอย่างที่หลวงพ่อพูด ก็แปลกดี ตอนนี้หลวงพ่อไม่พูดแล้ว เส้นเสียงบางมาก ท่านจะลงวันละ 2 ครั้ง 10 โมง กับบ่าย 2 โมง เราก็อาจจะเขียน หรือถ้าพูดต้องพูดดังๆ หรือเขียนให้ท่านอ่านก็ได้ค่ะ
พูดถึงเรื่องมะเร็ง หลวงพ่อเก่งเรื่องมะเร็งมากค่ะ เพื่อนเป็นมะเร็งระยะที่สี่ ตรวจศิริราชมา หมอจะผ่า เพื่อนก็ไปหาหลวงพ่อ ท่านบอกว่าถ้าผ่าตัดก็ตายในห้องผ่าตัด เพื่อนก็ใจเสียมาก กำลังใจไม่มี พระลูกศิษย์ก็ทำยาสมุนไพรให้กินจนหายขาดเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ปรากฏว่ามะเร็งมันออกมากับเหงื่อ มันเป็นเส้นขาวๆ เขาเก็บใส่ถุงพลาสติค หมอบอกเป็นเรื่องอัศจรรย์มาก พระลูกศิษย์บอกห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ มันมีคลื่น แล้วห้ามกินพวกกรอบๆที่เป็นอาหารอุตสาหกรรม งดอาหารทะเล ทานได้แต่ปลาน้ำจืด เดี๋ยวนี้หน้าตาผ่องใส ไปบอกใครไม่มีใครเชื่อว่าเป็นมะเร็ง เมื่อก่อนนี้ตัวเหลืองเลย หมอเองก็งง ตรวจดูไม่มีเนื้อร้ายอีกเลยค่ะ เป็นที่หน้าอก หายโดยไม่ต้องผ่าตัด
นายแพทย์สมพนธ์              ในฐานะที่เป็นแพทย์ เรื่องแบบนี้มีมาก เป็นมะเร็งแล้วหาย แล้วมีคำอธิบายที่แตกต่างกัน ให้การรักษาทางจิต หรือด้วยการกินผักกินหญ้าอะไรก็แล้วแต่ แต่ในฐานะที่ถามเรื่องมะเร็ง สมัยก่อน สมัยเมื่อ 40-50 ปีก่อน เคยเจอน้อยมาก เดี๋ยวนี้มันเพิ่มขึ้นมาก ส่วนหนึ่งเพิ่มจากอาหารที่เรากิน มียาฆ่าแมลงสูงมาก แต่เมื่อมามองด้านของกรรมแล้ว ผมก็ยังเชื่อว่าคนที่เป็นมะเร็งต้องทำกรรมมา ทำไมกินกันตั้ง 100 คน เป็นแค่ 10 คน ทั้งที่ใช้ชีวิตเหมือนกัน ผมก็ยังเชื่อว่าเป็นเรื่องของกรรมในอดีต หรืออะไรซักอย่าง แต่เนื่องจากพบบ่อยมากในช่วงนี้ แล้วเป็นเรื่องที่ชาวพุทธย่อหย่อนมากในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องน่ากลุ้มใจมาก ที่น่ากลุ้มมากกว่านี้ ผมอยากเรียนถามอาจารย์นิดหนึ่ง เรื่องของสังฆเภท มันมีความหมายแค่ไหน เพราะอย่างที่เราทราบกันอยู่ว่า เรื่ององค์กรพระแตกแยกเป็นสองฝักสองฝ่าย อะไรต่างๆ อันนี้เป็นสังฆเภทไหม ในความเห็นของอาจารย์ เพราะคิดลึกๆแล้วใจไม่ค่อยดี
อาจารย์สุจิตรา    สังฆเภทจริงๆ ถ้าเป็นคฤหัสถ์ทำสังฆเภทได้ไม่ครบองค์ คนที่ทำสังฆเภทครบองค์ต้องเป็นพระ เช่นพระเทวทัต เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้เพราะกิเลสเป็นใหญ่ ซึ่งร้ายกาจรุนแรงมาก ทำให้ชาวพุทธก็อ่อนอกอ่อนใจไปด้วย ถ้าจะพูดถึงสังฆเภท ก็หมายถึงไม่ลงรอยกันทางพระธรรมวินัย ไม่ลงสวดปาติโมกข์ร่วมกัน แต่ตรงนี้จะเรียกสังฆเภทก็ไม่น่าจะใช่ เพียงแต่อยากเป็นใหญ่ อยากได้สมณศักดิ์ อยากจะดัง แล้วพระก็เป็นพระหาพรรคหาพวกกัน พูดออกมาได้ที่สนามหลวง ฆ่ามัน ฆ่ามันใช้ให้พระฆ่าคุณทองก้อน เดี๋ยวก็ไปปลงอาบัติกันใหม่พูดได้อย่างไร ฆ่าปลงไม่ได้แล้ว ฆ่าเป็นปาราชิก จะไปเอาอย่างพระรูปหนึ่งที่สอนว่าฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนเช่นนั้น ขณะนี้พระเสียหายมาก อยากเป็นใหญ่เป็นโต พอรู้เรื่องลึกๆของพระระดับใหญ่ๆบางองค์แล้วก็สงสารพระศาสนา ท่านไม่ได้อบรมกาย ไม่ได้อบรมจิต ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า น่าเศร้าใจมาก แต่ดิฉันเชื่อมั่นในพระบารมีของบูรพมหากษัตริย์ โดยเฉพาะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งในที่สุดพระองค์ได้ผนวชเป็นพระภิกษุ บารมีหลวงพ่อในป่าซึ่งเชื่อกันว่าคือหลวงพ่อเทพโลกอุดร ยังคุ้มครองอยู่ คนชั่ว ชั่วได้ไม่นาน เดี๋ยวกรรมก็ให้ผล เขาบอก ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไปเข้าใจผิด เพราะ ทำดีได้ดีนั้นมีแน่ ทำชั่วแต่ได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วเห็นดีอยู่รู้เอาไว้ มันเหมือนไฟใต้ถ่านไม่นานร้อนดิฉันยังคิด เอ..ทำไมแม่ธรณีไม่สูบไปบ้าง รู้แล้วสะท้อนสะเทือนใจมากเลยค่ะ รู้มากก็เศร้าใจมาก แต่อย่างไรเสียความจริงก็ต้องปรากฏ เดี๋ยวกรรมก็ปรากฏจนได้
นายแพทย์สมพนธ์              คือในฐานะที่เกี่ยวข้องได้รู้เห็นมาก ผมก็มีความหนักใจมาก เมื่อมาดูเรื่องสังฆเภทแล้ว ผมก็ยังแน่ใจว่า อันนี้ก็อนุโลมเข้าอยู่ในลักษณะของสังฆเภททั้งสองฝ่าย ซึ่งเราก็รู้ว่ามันเป็นอนันตริยกรรม ผมก็ไม่ทราบว่าคนที่ทำเขามีความรู้สึกอย่างนั้นหรือเปล่า ในฐานะที่ในห้องนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ เราน่าห่วงมากสำหรับพระพุทธศาสนาในวันนี้ ถ้าเทียบกับเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ผมคิดว่าเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งที่คนรุ่นใหม่ห่างเหิน ไม่ได้สนใจทางพระพุทธศาสนา แล้วก็ระบบโลกาภิวัตน์มันเข้ามาทำลาย นอกจากนั้นแล้ว ในเรื่องของการเมืองหรือรัฐก็ตามแต่ ไม่มีใครดูแลพระศาสนาเลย ตัวอย่างเช่น เรื่องพรบ.จัดรูปที่ดิน ที่เกือบจะผ่านสภาแล้ว ที่จะเอาที่วัด ที่ธรณีสงฆ์ต่างๆไปใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งเรื่องนี้มุบมิบมากนะครับ แล้วก็เกิดขึ้นที่ฝ่ายทางกระทรวงที่มีศาสนาอื่นเป็นรัฐมนตรี ผ่านไปอย่างเร็ว ผ่านสภาล่างซึ่งคิว่ามีผู้เป็นพุทธจำนวนมาก ผ่านวุฒิสภาซึ่งมีสมาชิกพุทธเป็นจำนวนมาก กรรมาธิการซึ่งมีพุทธเป็นจำนวนมากออกมาเร่งจะให้ผ่านอนุมัติภายในหนึ่งอาทิตย์ ทั้งๆที่เป็นพรบ.อันดับที่ 20 กว่าที่รออยู่ แต่เป็นกฎหมายของรัฐ เคราะห์ดีที่มีคนแจ้งมาทางสภาองค์กรพระพุทธศาสนา ซึ่งเราก็ประชุมกันในห้องนี้ แล้วก็ได้ลงมติ ขอให้ยับยั้ง แล้วตัดคำว่าวัด อะไรนี้ออกให้หมด แล้วผมก็ติต่อไปทางผู้ใหญ่หลายท่าน ขอให้ท่านช่วยพระพุทธศาสนา ท่านก็ช่วย ในที่สุดก็ตกไป อันนี้มีคนเขียนคำถามมา ผมจึงขอเล่าให้ฟัง ซึ่งแสดงถึงว่าขณะนี้เรามานั่งพูดอะไรกัน ไม่รู้ว่าเรื่องของกรรมหรือเปล่า ที่ทำให้พระพุทธศาสนาในวันนี้ มันค่อนข้างมีอันตรายนะครับ ผมคิดว่าพวกเราคงจะต้องช่วยกันที่จะดูแลแก้ไข มีปัญหามาก
ผู้ฟัง        ขอประทานโทษค่ะ ขออนุญาตเรียนถามความคิดเห็นของคุณหมอและอาจารย์สุจิตรา ไม่ทราบว่าท่านทราบหรือเปล่าว่า วันที่ 31 ก.ค. นี้จะเป็นวันสุดท้ายที่สถานีวิทยุ พล ม.1 ซึ่งเป็นสถานีวิทยุเดียวที่ประกาศว่า เป็นสถานีเพื่อพระพุทธศาสนา กำลังจะหมดสัญญา เพราะว่าประมูลสู้เขาไม่ได้
นายแพทย์สมพนธ์              เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญละครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่อายุเกิน 60 ขึ้นไป ฟังวิทยุเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาตอนตี 2 ตี 3 ตี 4 แต่ว่าสถานีวิทยุเหล่านี้กำลังจะสิ้นสุดลง เพราะว่ามีการเปลี่ยน แล้วทางองค์กรเราก็พยายามที่จะเข้าไปเป็นเกี่ยวข้องกับกรรมการที่เขาเรียก กสช. หรืออะไรซักอย่างที่จะพิจารณาจัดคลื่น ก็ยังไม่สำเร็จ ผมไม่ทราบว่ามันเป็นความเคลื่อนไหวด้วยเจตนาหรือเปล่า หรือเป็นการมองในด้านการค้าอย่างเดียว แต่ว่าเป็นความจริงว่า คลื่นวิทยุทางพระพุทธศาสนาหลายคลื่นกำลังจะหายไป แต่ของศาสนาอื่นมีมาก ถึงไม่ฟังก็ผ่านหู
มีคำถาม ผมก็เลยนำเรื่องนี้มาพูด ผมคิดว่าอันนี้เป็นเรื่องกรรมเหมือนกัน แต่ไม่ทราบว่ามันเป็นกรรมส่วนรวมของชาวพุทธหรือเปล่า อย่างที่อาจารย์พูดเมื่อกี้ว่าพุทธศาสนาในอนาคตจะไปเบิกบานทางทิศตะวันตก มีคนพูดกันมาก ซึ่งก็เป็นความจริง เพราะว่าฝรั่งและคนที่มีการศึกษา ที่เขาอยู่ในอิทธิพลของพระเจ้ามาก่อน เขารู้ว่าความจริงมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้น กลับมาสนใจพระพุทธศาสนา แต่ว่าในเวลาเดียวกัน ประเทศเรากลับจะสูญสลายพระพุทธศาสนาไป ขณะที่มีศาสนาอื่นซึ่งเคยเอาชนะพระพุทธศาสนามาแล้วในหลายประเทศ กำลังจะมีอำนาจขึ้นมาในเมืองไทย ฉะนั้น ผมคิดว่าช่วยๆกันครับ คงจะถือเป็ฯกรรมอย่างหนึ่งที่เราเกิดมาในยุคนี้ ถ้าเราช่วยได้ก็คงจะเป็นกุศลกรรมละครับ
วันนี้คงจะสมควรแก่เวลาแล้ว ขอขอบคุณท่านผู้ฟังที่นั่งฟังอยู่จนจบเต็มห้อง และขอขอบคุณอาจารย์สุจิตราที่ได้กรุณามาร่วมเสวนาเรื่องที่น่าสนใจมากที่สุดในวันนี้ ผมเชื่อว่าทุกคนคงได้รับประโยชน์ไปไม่มากก็น้อย ขออาจารย์สุจิตราได้นำสวดมนต์แผ่เมตตาเป็นการจบการบรรยายในวันนี้ด้วย
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันหมดทั้งสิ้น
อะเวราโหนตุ       จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพยาปัชฌา โหนตุ             จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อะนีฆา โหนตุ      จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ   จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด


เสวนาประสาพุทธ ครั้งที่ 13
เรื่อง...กฎแห่งกรรมในชีวิตมนุษย์
โดย...รองศาสตราจารย์ สุจิตรา อ่อนค้อม
นำอภิปรายโดย...นายแพทย์สมพนธ์ บุณยคุปต์
วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2547 เวลา 15.00 – 18.00 น.
ณ ห้องประชุมบุณยคุปต์ ชั้น 20 อาคารวิชัยยุทธเหนือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น